ศัลยกรรมหลุมสิว คืออะไร รักษาหลุมสิวได้จริงไหม ราคาเท่าไหร่ ที่ Romrawin Clinic

ศัลยกรรมหลุมสิวคืออะไร เจ็บหรือไม่ รักษาให้หายได้จริงไหม
ศัลยกรรมหลุมสิว เป็นการแก้ปัญหาหลุมสิวที่ตรงจุด หลายคนมีปัญหาหลุมสิวที่หนักใจมากรักษาด้วยวิธีไหนก็ยังไม่หาย บางทีวิธีศัลยกรรมหลุมสิวอาจจะตอบโจทย์การรักษาหลุมสิวที่เป็นมานานได้นะ

รวมทุกหัวข้อเกี่ยวกับการศัลยกรรมหลุมสิว
- ศัลยกรรมหลุมสิวคืออะไร
- ศัลยกรรมหลุมสิวมีเทคนิคอะไรบ้าง
- การทำศัลยกรรมหลุมสิวเจ็บหรือไม่
- ข้อดีของการรักษาด้วยการศัลยกรรมหลุมสิว
- ข้อควรระวังของการรักษาด้วยการศัลยกรรมหลุมสิว
- ใครบ้างที่เหมาะกับการทำศัลยกรรมหลุมสิว
- ใครควรหลีกเลี่ยงการทำศัลยกรรมหลุมสิว
- ดูแลผิวยังไงหลังทำศัลยกรรมหลุมสิว
- เปรียบเทียบศัลยกรรมหลุมสิวกับวิธีการรักษาแบบอื่น
- สรุปทุกเรื่องเกี่ยวกับการทำศัลยกรรมหลุมสิว
- Q and A ยอดฮิตเรื่องศัลยกรรมหลุมสิว

ศัลยกรรมหลุมสิวคืออะไร
ก่อนที่เราจะอธิบายเกี่ยวกับการศัลยกรรมหลุมสิว เรามาดูกันก่อนว่า หลุมสิวคืออะไร หลุมสิว คือร่องรอยที่หลงเหลือหลังจากการอักเสบของสิว โดยเฉพาะสิวอักเสบรุนแรงหรือสิวหัวช้าง เมื่อผิวเกิดการทำลายลึกลงไปถึงชั้นหนังแท้และร่างกายสร้างพังผืดขึ้นแทนเนื้อเยื่อปกติ ผลลัพธ์คือรอยบุ๋ม ร่องลึก หรือผิวไม่เรียบที่เรารู้จักกันในชื่อ “หลุมสิว”

สำหรับคนที่หลุมสิวลึกและไม่สามารถรักษาให้ดีขึ้นด้วยครีมหรือเลเซอร์ทั่วไป การ ศัลยกรรมหลุมสิว จึงกลายเป็นทางเลือกที่แนะนำ โดยเฉพาะในกรณีที่ต้องการผลลัพธ์ชัดเจนและถาวรกว่า

ศัลยกรรมหลุมสิวคืออะไร
ศัลยกรรมหลุมสิว คือกระบวนการรักษาหลุมสิวที่ลึกและเรื้อรัง ด้วยเทคนิคทางการแพทย์เฉพาะทางที่ลงลึกกว่าเลเซอร์หรือครีมทั่วไป โดยเน้นการแก้ไขปัญหาจากโครงสร้างผิวที่ผิดรูป เช่น การเกิดพังผืดยึดรั้งผิวหนัง หรือการสูญเสียเนื้อเยื่อผิวในระดับหนังแท้ ทำให้ผิวบุ๋มลงจนเกิดเป็น “หลุมสิว” แบบถาวร

การทำศัลยกรรมหลุมสิวมีจุดมุ่งหมายเพื่อลดความลึกของหลุม รื้อพังผืดที่ดึงผิวไว้ และกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่หรือเติมเต็มเนื้อเยื่อ เพื่อให้พื้นผิวของใบหน้าดูเรียบเนียนขึ้นอย่างถาวร

ทำไมต้องถึงขั้น ศัลยกรรมหลุมสิว เพื่อรักษาหลุมสิว
หลุมสิวที่ลึกและเป็นมานาน โดยเฉพาะหลุมแบบ Boxcar, Ice pick, หรือ Rolling scars มักไม่ตอบสนองต่อวิธีรักษาทั่วไป เช่น ครีมลดรอยสิว เลเซอร์ หรือทรีตเมนต์ผิว เพราะต้นตอปัญหาอยู่ที่ “โครงสร้างผิวที่ถูกทำลายอย่างรุนแรง”

ศัลยกรรมหลุมสิว จึงเข้ามามีบทบาทในกรณีเหล่านี้ สามารถจัดการกับรากของปัญหาหลุมสิวได้ เช่น
• ตัดพังผืดใต้หลุมที่ดึงผิวไว้
• ผ่าตัดเฉพาะจุดที่ผิวผิดรูป
• เติมเต็มผิวที่สูญเสียเนื้อเยื่อไป
• กระตุ้นผิวให้สร้างคอลลาเจนใหม่ลึกถึงชั้นหนังแท้

ศัลยกรรมหลุมสิว คือกระบวนการทางการแพทย์ที่ออกแบบมาเพื่อรักษาหลุมสิวลึกที่รักษาด้วยวิธีอื่นไม่ได้ผล ด้วยเทคนิคที่เข้าไปจัดการกับโครงสร้างผิวอย่างตรงจุด ไม่ว่าจะเป็นการตัดพังผืด เติมเต็มเนื้อเยื่อ หรือฟื้นฟูผิวให้สร้างคอลลาเจนใหม่ ผลลัพธ์คือผิวที่เรียบขึ้น ใบหน้าดูสม่ำเสมอขึ้น และความมั่นใจที่กลับคืนมา

ศัลยกรรมหลุมสิวมีเทคนิคอะไรบ้าง
ศัลยกรรมหลุมสิว คือวิธีรักษาหลุมสิวแบบลึก ที่ครีมหรือเลเซอร์บางตัวอาจเอาไม่อยู่ เพราะหลุมสิวเกิดจากพังผืดใต้ผิวที่รั้งไว้ หรือบางครั้งผิวเสียหายลึกถึงชั้นใน ทำให้ต้องใช้วิธีพิเศษในการแก้ไข ต่อไปนี้คือ เทคนิคศัลยกรรมหลุมสิวหลักๆ ดังนี้

1.Punch Excision - ศัลยกรรมหลุมสิวโดยการผ่าหลุมออกแล้วเย็บปิด
วิธีศัลยกรรมหลุมสิวนี้คือการใช้เครื่องมือเจาะผิวเฉพาะจุด (เรียกว่า punch) เพื่อตัดเอาหลุมสิวลึกออกจากผิวหน้าทั้งหมด หลังจากนั้นแพทย์จะเย็บขอบผิวที่ตัดออกเข้าหากันให้เรียบเสมอกัน เมื่อตำแหน่งแผลหายดี จะเหลือเพียงรอยเส้นบางๆ แทนหลุมที่เคยมีอยู่

วิธีศัลยกรรมหลุมสิวนี้เหมาะสำหรับ
• หลุมสิวแบบ Ice Pick (แคบ ลึก)
• หลุมสิวแบบ Boxcar (ขอบชัด ลึก)
• ขนาดหลุมไม่เกิน 3 มิลลิเมตร

จุดเด่นของวิธีศัลยกรรมหลุมสิวนี้
• รักษาได้ตรงจุด
• แก้ไขหลุมลึกถาวรในระยะยาว

2.Punch Elevation - ศัลยกรรมหลุมสิวโดยการยกผิวหลุมให้เสมอกับผิวหน้า
วิธีศัลยกรรมหลุมสิวนี้ใช้กับหลุมสิวที่ไม่ลึกมาก และผิวรอบๆ ยังดีอยู่ แพทย์จะตัดเนื้อในหลุมออกบางส่วนโดยไม่ลึกถึงชั้นใต้ผิว จากนั้นจะทำการยกเนื้อหลุมขึ้นให้เสมอกับผิวปกติ แล้วเย็บติดกับผิวรอบข้าง

วิธีศัลยกรรมหลุมสิวนี้เหมาะสำหรับ
• หลุมสิวแบบ Boxcar
• ขนาดหลุมไม่เกิน 3 มิลลิเมตร

จุดเด่นของวิธีศัลยกรรมหลุมสิวนี้
• ไม่ตัดผิวออกทั้งหมด
• ช่วยปรับระดับผิวให้เรียบเสมอกันอย่างเป็นธรรมชาติ

3.Punch Grafting - ศัลยกรรมหลุมสิวโดยการตัดหลุมออกแล้วเติมด้วยเนื้อเยื่อใหม่
ศัลยกรรมหลุมสิวในเทคนิคนี้ แพทย์จะตัดหลุมสิวที่ลึกและไม่สม่ำเสมอออกไปก่อน จากนั้นจึงนำเนื้อเยื่อจากส่วนอื่นของร่างกาย เช่น หลังหู มาปะลงในตำแหน่งที่ตัดออก แล้วเย็บแผลให้ติดกัน เพื่อให้เนื้อใหม่เจริญเติบโตกลืนไปกับผิวเดิม

วิธีศัลยกรรมหลุมสิวนี้เหมาะสำหรับ
• หลุมสิวแบบ Ice Pick และ Boxcar
• หลุมที่ลึกไม่สม่ำเสมอ หรือไม่เท่ากันในแต่ละจุด

จุดเด่นของวิธีศัลยกรรมหลุมสิวนี้
• เติมเต็มหลุมได้แม้มีความลึกมาก
• ได้ผลลัพธ์ที่แนบเนียนและดูเป็นธรรมชาติ

4.Elliptical Excision - ศัลยกรรมหลุมสิวโดยการกรีดหลุมออกเป็นวงรีแล้วเย็บเรียบ
เทคนิคศัลยกรรมหลุมสิวนี้เป็นการตัดหลุมสิวที่มีรูปร่างยาวหรือผิดปกติออกโดยการกรีดให้เป็นรูปวงรี จากนั้นจึงดึงขอบแผลทั้งสองด้านมาชนกันและเย็บให้ปิดสนิท วิธีนี้นิยมใช้กับหลุมที่มีขนาดใหญ่หรือไม่เป็นทรงกลม

วิธีศัลยกรรมหลุมสิวนี้เหมาะสำหรับ
• หลุมสิวที่มีรูปร่างยาว
• หลุมที่ไม่สม่ำเสมอ หรือหลุมที่ขยายกว้างออกด้านข้าง

จุดเด่นของวิธีศัลยกรรมหลุมสิวนี้
• ได้แผลเป็นที่เรียบเสมอ
• ลดความลึกของหลุมให้กลายเป็นเพียงรอยเส้นบางๆ

สรุปเป็นตารางเปรียบเทียบศัลยกรรมหลุมสิวแต่ละเทคนิค

เทคนิค	เหมาะกับหลุมสิวแบบไหน	หลักการ	จุดเด่น
Punch Excision	Ice Pick, Boxcar	ตัดหลุมออก เย็บปิด	เห็นผลชัด ถาวร
Punch Elevation	Boxcar	ยกเนื้อหลุมขึ้น เย็บติด	ผิวเรียบแบบเป็นธรรมชาติ
Punch Grafting	Ice Pick, Boxcar ไม่สม่ำเสมอ	ตัดหลุม ใส่เนื้อแทน	เติมเต็มหลุมลึกได้ดี
Elliptical Excision	หลุมยาวหรือรูปร่างผิดปกติ	กรีดเป็นวงรี เย็บปิด	ปรับผิวให้เรียบเสมอ

การทำศัลยกรรมหลุมสิวเจ็บหรือไม่
การทำศัลยกรรมหลุมสิวไม่ได้หมายถึงการผ่าตัดใหญ่ แต่เป็น “หัตถการเฉพาะจุด” ที่แพทย์ทำด้วยความแม่นยำ และมีการ ใช้ยาชาเฉพาะที่ ทุกครั้งก่อนเริ่มทำ เช่น ยาชาแบบครีมหรือยาชาแบบฉีด (เฉพาะตำแหน่ง) เพื่อให้คนไข้รู้สึกเจ็บน้อยที่สุดระหว่างทำ

สิ่งที่คนไข้จะรู้สึกขณะทำศัลยกรรมหลุมสิวจึงไม่ใช่ “ความเจ็บตลอดเวลา” แต่จะรู้สึกได้แค่บางช่วง เช่น ตอนฉีดยาชา หรือขณะเย็บแผลบางจุดเท่านั้น

เปรียบเทียบความรู้สึกเจ็บของแต่ละเทคนิคศัลยกรรมหลุมสิว
1.Punch Excision - การศัลยกรรมหลุมสิวโดยการตัดหลุมออก เย็บปิด

รายละเอียดสำหรับศัลยกรรมหลุมสิววิธีนี้ ใช้เครื่องมือขนาดเล็กเจาะผิวตรงหลุมสิว แล้วตัดเอาหลุมออกทั้งก้อน จากนั้นแพทย์จะเย็บปิดแผล

การใช้ยาชาสำหรับศัลยกรรมหลุมสิววิธีนี้
• ฉีดยาชาเฉพาะจุดก่อนเริ่ม
• ระหว่างทำไม่เจ็บเลย แต่ตอนฉีดยาชาอาจรู้สึกจี๊ดๆ บ้าง

ระดับความเจ็บสำหรับศัลยกรรมหลุมสิววิธีนี้
• ตอนฉีดยาชา รู้สึกเล็กน้อย (1.5/5)
• ระหว่างทำ ไม่เจ็บ (0/5)
• หลังทำ ปวดตึงๆ บ้างเฉพาะบริเวณที่เย็บ (1-2 วัน)

รวมระดับเจ็บ เบา - ปานกลาง

2.Punch Elevation - การศัลยกรรมหลุมสิวโดยการยกเนื้อหลุมขึ้น เย็บให้เรียบ

รายละเอียดสำหรับศัลยกรรมหลุมสิววิธีนี้
ตัดเฉพาะฐานหลุมออก แล้วยกเนื้อหลุมให้เสมอกับผิวรอบๆ ก่อนเย็บยึดไว้

การใช้ยาชาสำหรับศัลยกรรมหลุมสิววิธีนี้
• ฉีดยาชาเฉพาะจุดเช่นเดียวกับ Punch Excision

ระดับความเจ็บสำหรับศัลยกรรมหลุมสิววิธีนี้
• ตอนฉีดยาชา รู้สึกจี๊ดเท่ากัน (1.5/5)
• ระหว่างทำ ไม่เจ็บ รู้สึกแค่แรงดึงเบาๆ (0.5/5)
• หลังทำ อาจรู้สึกตึงที่ตำแหน่งเย็บนิดหน่อย (1-2 วัน)

รวมระดับเจ็บ ใกล้เคียงกับ Punch Excision

3.Punch Grafting - การศัลยกรรมหลุมสิวโดยการตัดหลุมออกแล้วเติมด้วยเนื้อเยื่อใหม่

รายละเอียดสำหรับศัลยกรรมหลุมสิววิธีนี้
ตัดหลุมออก แล้วนำเนื้อเยื่อจากส่วนอื่น (เช่น หลังหู) มาเติมในจุดนั้น จากนั้นจึงเย็บปิด

การใช้ยาชาสำหรับศัลยกรรมหลุมสิววิธีนี้
• ฉีดยาชา 2 ตำแหน่ง (ที่หลุมสิว และจุดที่เอาเนื้อออก)

ระดับความเจ็บสำหรับศัลยกรรมหลุมสิววิธีนี้
• ตอนฉีดยาชา รู้สึกจี๊ด 2 จุด (2/5)
• ระหว่างทำ ไม่เจ็บ เพราะชาหมดจดแล้ว (0/5)
• หลังทำ อาจรู้สึกตึงหรือบวมได้ทั้ง 2 จุด (1-3 วัน)

รวมระดับเจ็บ มากกว่า Punch ทั่วไปเล็กน้อย เพราะมี 2 จุด

4.Elliptical Excision - การศัลยกรรมหลุมสิวโดยการกรีดหลุมออกเป็นวงรี แล้วเย็บแนบสนิท

รายละเอียดสำหรับศัลยกรรมหลุมสิววิธีนี้
ใช้ใบมีดผ่าตัดกรีดหลุมสิวเป็นวงรี แล้วเย็บปิดแผลให้เรียบ วิธีนี้ใช้กับหลุมที่รูปร่างไม่ปกติ

การใช้ยาชาสำหรับศัลยกรรมหลุมสิววิธีนี้
• ฉีดยาชารอบขอบแผลเพื่อให้ผิวชาเต็มที่ก่อนเริ่มผ่า

ระดับความเจ็บสำหรับศัลยกรรมหลุมสิววิธีนี้
• ตอนฉีดยาชา จี๊ดแต่ไม่นาน (1.5-2/5)
• ระหว่างทำ ไม่รู้สึกเจ็บ (0/5)
• หลังทำ ปวดตึงเบาๆ ในช่วงแรกของการพักฟื้น (1-2 วัน)

รวมระดับเจ็บ ใกล้เคียงกับ Punch Grafting แต่ไม่ลึกเท่า

ตารางสรุปความเจ็บแต่ละเทคนิคในการทำศัลยกรรมหลุมสิว

เทคนิค	จุดที่ใช้ยาชา	เจ็บตอนทำ	เจ็บหลังทำ	ระดับความเจ็บ (5 ดาว)
Punch Excision	1 จุด	ไม่เจ็บ	ตึงเบาๆ	★★☆☆☆
Punch Elevation	1 จุด	ไม่เจ็บ	ตึงน้อยมาก	★★☆☆☆
Punch Grafting	2 จุด	ไม่เจ็บ	อาจตึง 2 จุด	★★★☆☆
Elliptical Excision	1 จุด	ไม่เจ็บ	ปวดนิดหน่อย	★★☆☆☆

ข้อดีของการรักษาด้วยการศัลยกรรมหลุมสิว
เมื่อการแก้หลุมสิวทั่วไปไม่พอ การศัลยกรรมหลุมสิวอาจเป็นวิธีแก้ปัญหาที่ตอบโจทย์

1.ข้อดีของศัลยกรรมหลุมสิวให้ผลลัพธ์ชัดเจน ไม่จำเป็นต้องทำซ้ำหลายครั้ง
วิธีการเย็บปิดหลุมสิว เป็นการศัลยกรรมหลุมสิวโดยการตัดหลุมสิวออกโดยตรงและเย็บขอบผิวให้แนบชิดกัน จึงสามารถเห็นความเปลี่ยนแปลงได้ตั้งแต่หลังแผลหาย ผิวบริเวณหลุมที่เคยลึกจะถูกแทนที่ด้วยแผลเรียบ และเมื่อดูแลแผลอย่างเหมาะสม รอยเย็บจะค่อยๆ จางลง จนแทบสังเกตไม่เห็น

2.ข้อดีของศัลยกรรมหลุมสิวไม่จำเป็นต้องทำหลายครั้งในตำแหน่งเดิม
โดยทั่วไป การเย็บปิดหลุมสิวจะทำเพียง หนึ่งครั้งต่อหนึ่งตำแหน่ง หากทำอย่างถูกเทคนิคและได้รับการดูแลแผลอย่างเหมาะสมก็ไม่จำเป็นต้องทำซ้ำ การทำศัลยกรรมหลุมสิว เหมาะกับผู้ที่ไม่สะดวกเข้ารับบริการต่อเนื่องหลายครั้ง หรือไม่ต้องการเว้นระยะพักฟื้นหลายรอบ

ลดจำนวนครั้งในการเข้าคลินิก ช่วยประหยัดเวลาและลดความไม่สะดวกในการใช้ชีวิตประจำวัน

3.ข้อดีของศัลยกรรมหลุมสิวคุ้มค่าเมื่อพิจารณาจากค่าใช้จ่ายและ ผลลัพธ์ที่ไดรับ
แม้วิธีศัลยกรรมหลุมสิวนี้จะคิดค่าใช้จ่ายต่อหนึ่งหลุม แต่ด้วยการทำเพียงครั้งเดียวและได้ผลถาวร ก็ทำให้โดยรวมมีต้นทุนต่ำกว่าการรักษาด้วยเลเซอร์ที่มักต้องซื้อเป็นคอร์ส และทำซ้ำหลายครั้ง

ลงทุนเพียงครั้งเดียว แต่ให้ผลลัพธ์ระยะยาว ไม่จำเป็นต้องกลับมาซ้ำบ่อย

4.ข้อดีของศัลยกรรมหลุมสิวผลลัพธ์ถาวร ไม่เกิดหลุมซ้ำในตำแหน่งเดิม
เมื่อหลุมสิวถูกตัดออกและเย็บปิดเรียบร้อยแล้ว โครงสร้างผิวใหม่ที่เกิดขึ้นจะแนบสนิทและไม่เกิดการยุบตัวแบบเดิม จึงให้ผลลัพธ์ถาวรกว่าการกระตุ้นคอลลาเจนทั่วไปซึ่งผิวอาจกลับมายุบได้เมื่อเวลาผ่านไป
เหมาะสำหรับหลุมสิวที่ลึกมากหรือรักษาด้วยวิธีอื่นแล้วยังไม่ดีขึ้น

5.ข้อดีของศัลยกรรมหลุมสิว แผลเล็ก ดูแลง่าย และฟื้นตัวเร็ว
แม้จะเป็นการผ่าตัดเล็ก แต่แผลที่เกิดจากการเย็บเฉพาะจุดจะมีขนาดเล็กและอยู่ในตำแหน่งที่แพทย์สามารถควบคุมได้ดี หลังทำสามารถดูแลเบื้องต้นได้ด้วยการล้างแผล ทายาฆ่าเชื้อ และหลีกเลี่ยงแสงแดด แผลส่วนใหญ่มักสมานดีภายใน 7-10 วัน

ข้อควรระวังของการรักษาด้วยการศัลยกรรมหลุมสิว
1.แผลผ่าตัดเล็ก แต่ต้องดูแลอย่างถูกวิธี
แม้ว่าศัลยกรรมหลุมสิวจะเป็นหัตถการเล็ก ทำเฉพาะจุด และไม่ต้องนอนโรงพยาบาล แต่ “แผลจากการเย็บ” ยังคงต้องดูแลอย่างใกล้ชิด เช่น การล้างแผล การทายา และการหลีกเลี่ยงแสงแดดและฝุ่นละอองในช่วงแรก หากดูแลไม่ดี อาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อหรือรอยแผลที่เด่นชัดได้

คำแนะนำหลังทำศัลยกรรมหลุมสิว
• ควรล้างแผลตามแพทย์สั่ง
• หลีกเลี่ยงเครื่องสำอาง น้ำ หรือเหงื่อที่มากเกินไปในช่วง 2-3 วันแรก
• งดการแกะแผลเอง หรือใช้มือสัมผัสบ่อยๆ

2.รอยแผลเป็นอาจเกิดขึ้นได้หลังทำศัลยกรรมหลุมสิว
แม้ว่าหลุมสิวจะถูกเย็บจนเรียบหลังทำศัลยกรรมหลุมสิว แต่ในบางกรณีอาจมี “รอยแผลเป็นจากการเย็บ” เหลืออยู่ โดยเฉพาะถ้าผิวของคนไข้มีแนวโน้มเกิดแผลนูน (keloid) หรือแผลเป็นง่าย อย่างไรก็ตาม แพทย์จะวางแผลในแนวที่ช่วยลดรอยให้มากที่สุด และสามารถรักษาแผลเป็นที่เหลือได้ภายหลัง เช่น เลเซอร์ลดรอย หรือยาทาแผลเป็น

คำแนะนำหลังทำศัลยกรรมหลุมสิว
• แจ้งแพทย์ล่วงหน้าหากมีประวัติเป็นคีลอยด์
• ป้องกันแผลเป็นด้วยการแปะแผ่นซิลิโคนหรือใช้ครีมลดรอยทันทีเมื่อแผลเริ่มหาย

3.การเย็บไม่ใช่คำตอบสำหรับทุกหลุมสิว
เทคนิคการเย็บเหมาะกับหลุมสิวที่ “ขนาดเล็ก ลึก และขอบชัด” เช่น Ice pick หรือ Boxcar scar เท่านั้น หากเป็นหลุมสิวตื้นหรือหลุมแบบ Rolling scar (เป็นคลื่นกว้างๆ) อาจไม่เหมาะกับการผ่าตัด แต่ควรใช้วิธีอื่น เช่น Subcision หรือเลเซอร์แทน

คำแนะนำหลังทำศัลยกรรมหลุมสิว
• ให้แพทย์ประเมินชนิดหลุมสิวอย่างละเอียดก่อน
• อาจต้องใช้หลายเทคนิคร่วมกันเพื่อผลลัพธ์ดีที่สุด

4.หลังทำศัลยกรรมหลุมสิวอาจเกิดอาการบวม ช้ำ หรือแดงชั่วคราว
หลังการศัลยกรรมหลุมสิว โดยเฉพาะวิธีที่มีการตัดเย็บ อาจมีอาการบวม แดง หรือรู้สึกตึงผิวบริเวณที่ทำประมาณ 3-7 วัน ซึ่งเป็นเรื่องปกติ และจะดีขึ้นเมื่อแผลสมาน แต่อาจกระทบการใช้ชีวิตประจำวันในช่วงสั้นๆ

คำแนะนำหลังทำศัลยกรรมหลุมสิว
• เตรียมเวลาในการพักผิวประมาณ 1 สัปดาห์
• หลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้งและการออกกำลังกายหนักในช่วงแรก

5.ผลลัพธ์หลังทำศัลยกรรมหลุมสิวขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย
แม้การเย็บหลุมสิวจะให้ผลลัพธ์ที่แม่นยำและชัดเจน แต่ “ผลลัพธ์สุดท้าย” ยังขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น สภาพผิวของแต่ละคน การฟื้นตัวของร่างกาย พฤติกรรมหลังทำ และความชำนาญของแพทย์ผู้รักษา

คำแนะนำหลังทำศัลยกรรมหลุมสิว
• ควรเลือกสถานพยาบาลที่เชื่อถือได้
• ติดตามผลการรักษาอย่างต่อเนื่อง
• ทำตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด

ใครบ้างที่เหมาะกับการทำศัลยกรรมหลุมสิว
1.คนที่เหมาะกับการทำศัลยกรรมหลุมสิวคือ ผู้ที่มีหลุมสิวลึกและขอบชัด
หลุมสิวที่เหมาะกับการศัลยกรรมมักเป็นหลุมประเภท

• Ice Pick Scar (หลุมแคบ ลึก คล้ายรูเข็ม)
• Boxcar Scar (ขอบหลุมชัดเจน เป็นเหลี่ยมหรือวงกลม)
• หลุมที่ไม่เรียบ ไม่สม่ำเสมอ และไม่เหมาะกับเลเซอร์

เหล่านี้คือหลุมที่ไม่ตอบสนองต่อการกระตุ้นคอลลาเจน เช่น เลเซอร์หรือไมโครนีดเดิล

2.คนที่เหมาะกับการทำศัลยกรรมหลุมสิวคือ ผู้ที่เคยรักษาด้วยวิธีอื่นมาแล้ว แต่ไม่เห็นผล
หากเคยทำเลเซอร์หลายรอบ ทาครีม หรือทำทรีตเมนต์แล้วหลุมสิวยังไม่ดีขึ้น หรือดีขึ้นเพียงเล็กน้อย การศัลยกรรมหลุมสิวเฉพาะจุดอาจเป็น “ขั้นต่อไป” ที่ให้ผลชัดเจนและแม่นยำมากกว่า

โดยเฉพาะในเคสที่หลุมเดิมยังคงชัดแม้จะพยายามรักษาหลายวิธีแล้ว

3.คนที่เหมาะกับการทำศัลยกรรมหลุมสิวคือผู้ที่มีหลุมสิวไม่มาก แต่ลึกและรบกวนจิตใจ
แม้หลุมสิวจะมีจำนวนไม่มาก แต่ถ้ามีจุดที่เด่นชัดหรืออยู่ในตำแหน่งที่รบกวนความมั่นใจ เช่น บริเวณแก้ม หน้าผาก หรือปลายคาง ก็สามารถพิจารณาทำเฉพาะจุดได้ และมักได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจมาก
แพทย์สามารถวางแผนการผ่าตัดแบบเฉพาะเจาะจงต่อ 1 หลุมได้

4.คนที่เหมาะกับการทำศัลยกรรมหลุมสิวคือผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ถาวรโดยไม่ต้องทำซ้ำบ่อย
ต่างจากเลเซอร์ที่อาจต้องทำหลายครั้ง การเย็บปิดหลุมสิวจะทำเพียงครั้งเดียวในจุดนั้น และให้ผลลัพธ์ถาวร หากดูแลแผลอย่างเหมาะสม หลุมจะไม่กลับมาอีก จึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการจบการรักษาในรอบเดียว เหมาะกับผู้ที่ไม่มีเวลาทำทรีตเมนต์ต่อเนื่อง

5.คนที่เหมาะกับการทำศัลยกรรมหลุมสิวคือ ผู้ที่มีสภาพผิวพร้อมต่อการฟื้นตัว
ผู้ที่มีสุขภาพผิวดี ไม่มีภาวะอักเสบติดเชื้อเรื้อรัง และไม่มีแนวโน้มเป็นแผลนูนง่าย จะเหมาะสมกับการทำศัลยกรรมมากกว่า เนื่องจากแผลจะสมานได้ดี และลดความเสี่ยงการเกิดแผลเป็นภายหลัง แพทย์มักประเมินสภาพผิวและประวัติโรคประจำตัวก่อนทุกเคส

6.คนที่เหมาะกับการทำศัลยกรรมหลุมสิวคือผู้ที่สามารถดูแลแผลหลังทำได้ตามคำแนะนำ
แม้แผลจากการศัลยกรรมจะเล็ก แต่ก็ต้องการการดูแล เช่น การล้างแผล ทายา ตัดไหม และหลีกเลี่ยงแดดในช่วงแรก หากผู้เข้ารับการรักษาสามารถดูแลตนเองตามคำแนะนำได้ ก็จะช่วยให้ผลลัพธ์ดีขึ้นชัดเจน การดูแลหลังทำเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้แผลเรียบ สวย และรอยจางเร็ว

ใครควรหลีกเลี่ยงการทำศัลยกรรมหลุมสิว
• ผู้ที่มีปัญหาผิวอักเสบหรือติดเชื้ออยู่ในบริเวณที่จะทำศัลยกรรมหลุมสิว
• ผู้ที่มีประวัติเกิดแผลเป็นนูน (คีลอยด์) ง่าย
• ผู้ที่มีโรคเลือดออกง่าย หรือใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือด
• ผู้ที่มีโรคประจำตัวควบคุมไม่ได้ เช่น เบาหวานรุนแรง
• ผู้ที่ตั้งครรภ์หรืออยู่ระหว่างให้นมบุตร (ควรเลื่อนการรักษาศัลยกรรมหลุมสิวไปก่อน)
• ผู้ที่ไม่สามารถดูแลแผลหลังทำศัลยกรรมหลุมสิวได้อย่างเหมาะสม
• ผู้ที่มีความคาดหวังผลลัพธ์เกินความเป็นจริง

ดูแลผิวยังไงหลังทำศัลยกรรมหลุมสิว
หลังการทำศัลยกรรมหลุมสิว เช่น การตัดหลุมออกแล้วเย็บ, การเติมเนื้อ (Punch Grafting) หรือ การกรีดปิดรอยหลุมแบบ Elliptical การดูแลผิวในช่วงพักฟื้นถือเป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยให้แผลหายดี ผิวเรียบสม่ำเสมอ และลดโอกาสเกิดรอยแผลเป็นในระยะยาว

แนวทางดูแลผิวหลังทำศัลยกรรมหลุมสิว
1.ล้างแผลอย่างถูกวิธีหลังทำศัลยกรรมหลุมสิว
• ล้างแผลด้วยน้ำเกลือ (Normal Saline) หรือคลีนเซอร์สูตรอ่อนโยน
• หลีกเลี่ยงการถูแรงๆ หรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีแอลกอฮอล์
• ซับผิวให้แห้งเบาๆ ด้วยผ้าสะอาดหรือกระดาษทิชชู่แบบซอฟต์

2.ทายาตามที่แพทย์สั่งหลังทำศัลยกรรมหลุมสิว
• ทายาฆ่าเชื้อ และยาลดการอักเสบตามที่แพทย์จัดให้
• ห้ามใช้ครีมหรือเครื่องสำอางอื่นร่วมโดยไม่ได้รับคำแนะนำ
• หากมีแผลเย็บ ควรทายาแผลเป็นต่อเนื่องหลังตัดไหม

3.หลีกเลี่ยงแสงแดดและความร้อนหลังทำศัลยกรรมหลุมสิว
• หลีกเลี่ยงแสงแดดจัดประมาณ 1-2 สัปดาห์
• หากจำเป็นต้องออกกลางแจ้ง ให้ทากันแดด SPF 50 ขึ้นไป เมื่อแผลเริ่มปิดดีแล้ว
• งดใช้ห้องซาวน่า ไดร์ร้อน หรือกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออกมากในช่วงแรก

4.งดแต่งหน้าในช่วง 3-5 วันแรกหลังทำศัลยกรรมหลุมสิว
• ให้แผลสมานและลดการระคายเคืองก่อน
• เมื่อตำแหน่งแผลเริ่มแห้ง สามารถเริ่มแต่งเบาๆ ได้ โดยเลือกผลิตภัณฑ์ non-comedogenic

5.งดออกกำลังกายหนักในช่วงแรกหลังทำศัลยกรรมหลุมสิว
• โดยเฉพาะกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออกมากหรือเสี่ยงโดนฝุ่น
• ป้องกันแผลอับชื้นหรือติดเชื้อ
• กลับมาออกกำลังกายได้ตามปกติหลังแผลเริ่มแห้งและไม่มีอาการบวมแดง

6.ดูอาการผิดปกติหลังทำศัลยกรรมหลุมสิว
• หากมีอาการบวม แดง ร้อน หรือมีหนอง ควรรีบพบแพทย์
• อาการบวมช้ำเล็กน้อยถือเป็นเรื่องปกติ และจะดีขึ้นใน 5-7 วัน

เปรียบเทียบศัลยกรรมหลุมสิวกับวิธีการรักษาแบบอื่น
หลุมสิวเป็นปัญหาผิวที่รักษายาก โดยเฉพาะหลุมที่ลึก ขอบชัด หรือสะสมมานาน การเลือกวิธีรักษาที่เหมาะสมจึงสำคัญมาก ซึ่งในปัจจุบันมีหลายแนวทาง เช่น การใช้เลเซอร์, เข็มกระตุ้นผิว, การฉีดฟิลเลอร์ และการทำศัลยกรรมหลุมสิว วันนี้เราจะมาเปรียบเทียบให้ชัดเจนว่าแต่ละวิธีเหมาะกับใคร และแตกต่างกันอย่างไร

1.ศัลยกรรมหลุมสิว (Surgical Techniques)
เช่น Punch Excision, Punch Grafting, Punch Elevation, Elliptical Excision

จุดเด่นของการศัลยกรรมหลุมสิว
• รักษาแบบเฉพาะจุด เหมาะกับหลุมที่ลึกมากและขอบชัด
• เห็นผลทันที หลังแผลหาย ไม่ต้องรอคอลลาเจนสร้างเอง
• ทำครั้งเดียวจบ ในตำแหน่งนั้น ไม่ต้องทำซ้ำหลายรอบ
• ผลลัพธ์ถาวร ไม่ยุบกลับหากดูแลดี

ข้อควรระวังหลังทำศัลยกรรมหลุมสิว
• มีแผลเย็บ ต้องดูแลแผลให้ดี
• อาจมีรอยแผลเป็นในบางราย
• เหมาะกับหลุมสิวจำนวนไม่มาก หรือเฉพาะจุด

2.เลเซอร์กระตุ้นคอลลาเจน (เช่น Fractional CO2, ErYAG)
จุดเด่น
• ช่วยฟื้นฟูผิวทั่วหน้า เหมาะกับหลุมสิวตื้น-ปานกลาง
• กระตุ้นคอลลาเจนอย่างสม่ำเสมอทั่วผิว
• ไม่มีแผลเย็บ ไม่ต้องพักฟื้นนาน

ข้อจำกัด
• ต้องทำหลายครั้ง (3-5 ครั้งขึ้นไป)
• เห็นผลช้า ต้องใช้เวลารอให้คอลลาเจนสร้างตัว
• ไม่เหมาะกับหลุมลึก ขอบชัด

3.Microneedling / Dermapen
จุดเด่น
• เป็นการกระตุ้นคอลลาเจนด้วยเข็มขนาดเล็ก
• เหมาะกับหลุมสิวตื้น รูขุมขนกว้าง และผิวไม่สม่ำเสมอ
• พักฟื้นสั้น ไม่บวมมาก

ข้อจำกัด
• ต้องทำหลายครั้ง
• ไม่เหมาะกับหลุมที่ลึกหรือขอบแข็ง
• ผลลัพธ์ค่อยเป็นค่อยไป

4.TCA CROSS (แต้มกรด)
จุดเด่น
• ใช้แต้มเฉพาะจุดลงในหลุม Ice pick หรือหลุมลึกแคบๆ
• กระตุ้นให้ผิวซ่อมแซมตัวเอง
• ค่าใช้จ่ายต่ำ เหมาะกับผู้เริ่มต้น

ข้อจำกัด
• ต้องทำหลายครั้ง
• ต้องดูแลผิวให้ดีหลังแต้ม ไม่เช่นนั้นอาจเกิดรอยดำหรือแผลลึกขึ้น

5.การฉีดฟิลเลอร์ / Fat Graft
จุดเด่น
• เติมเต็มหลุมสิวทันที เหมาะกับหลุมกว้างแบบ Rolling scar
• ไม่ต้องพักฟื้น
• เห็นผลทันทีหลังทำ

ข้อจำกัด
• ไม่ใช่การรักษาถาวร (ถ้าเป็นฟิลเลอร์)
• ต้องเติมซ้ำเมื่อเวลาผ่านไป
• ไม่แก้ปัญหาพังผืดใต้ผิว

การเลือกวิธีรักษาหลุมสิวควรขึ้นอยู่กับ “ประเภทของหลุม” และ “เป้าหมายในการรักษา” ถ้าหลุมสิวลึก ขอบแข็ง หรือไม่ตอบสนองต่อวิธีอื่น การทำศัลยกรรมหลุมสิว เป็นทางเลือกที่แม่นยำ เห็นผลเร็ว และถาวรกว่า

แต่ถ้าหลุมสิวตื้น หรือมีปัญหาผิวหน้าโดยรวม เช่น รูขุมขนกว้าง เลเซอร์หรือไมโครนีดเดิลก็อาจเป็นทางเลือกที่เหมาะสมกว่า

การปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินสภาพผิวอย่างละเอียด จะช่วยให้เลือกแนวทางการรักษาที่ตรงจุดและได้ผลดีที่สุดในระยะยาว

สรุปทุกเรื่องเกี่ยวกับการทำศัลยกรรมหลุมสิว
การทำศัลยกรรมหลุมสิวเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการรักษาหลุมสิว แต่วิธีศัลยกรรมหลุมสิวเพื่อให้ตอบโจทย์มากที่สุด จะต้องให้แพทย์ประเมิณรอยหลุมสิวให้ละเอียดว่าจุดไหนควรใช้วิธีรักษาหลุมสิวแบบใด ถ้าไม่ให้แพทย์เป็นผู้ประเมิณและทำศัลยกรรมหลุมสิวอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงได้ อาทิเช่นรอยเย็บของแผลสิว หรือ สีผิวไม่เท่ากันในบริเวณที่ทำศัลยกรรมหลุมสิวกับพื้นที่ข้างเคียง

Q and A ยอดฮิตเรื่องศัลยกรรมหลุมสิว
1.ศัลยกรรมหลุมสิวคืออะไร?
ศัลยกรรมหลุมสิว คือการรักษาหลุมสิวด้วยวิธีผ่าตัดเล็ก เช่น การตัดหลุมออกแล้วเย็บ การยกฐานหลุม หรือการเติมเนื้อเยื่อ เพื่อทำให้ผิวเรียบขึ้น เหมาะกับหลุมที่ลึกและขอบชัด

2.ศัลยกรรมหลุมสิวเจ็บไหม?
ขณะทำจะไม่รู้สึกเจ็บ เพราะมีการใช้ยาชาเฉพาะที่ ส่วนหลังทำอาจรู้สึกตึงหรือช้ำเล็กน้อย ซึ่งมักจะหายภายในไม่กี่วัน

3.ต้องทำศัลยกรรมหลุมสิวกี่ครั้งถึงจะเห็นผล?
ส่วนใหญ่ทำเพียงครั้งเดียวต่อหนึ่งหลุม ไม่จำเป็นต้องทำซ้ำหลายรอบเหมือนการเลเซอร์ และเห็นผลหลังแผลสมานดี

4.ศัลยกรรมหลุมสิวเหมาะกับหลุมสิวแบบไหน?
เหมาะกับหลุมสิวลึก เช่น Ice Pick และ Boxcar scar โดยเฉพาะในผู้ที่รักษาด้วยวิธีอื่นมาแล้วไม่ได้ผล

5.หลังทำศัลยกรรมหลุมสิวต้องดูแลยังไง?
ควรล้างแผลด้วยน้ำเกลือหรือผลิตภัณฑ์ที่แพทย์แนะนำ งดแต่งหน้าและหลีกเลี่ยงแสงแดดช่วงแรก และทายาตามคำแนะนำเพื่อป้องกันรอยแผลเป็น