โปรแกรมร้อยไหมลดร่องแก้ม คืออะไร อันตรายไหม มีข้อดีข้อเสียอย่างไรบ้าง
ร้อยไหมลดร่องแก้ม , ไหมลดร่องแก้ม
ร้อยไหมลดร่องแก้ม คืออะไร อันตรายไหม มีข้อดีข้อเสียอย่างไรบ้าง
ร้อยไหมลดร่องแก้มคืออะไร อันตรายไหม มีข้อดีข้อเสียอะไรบ้าง
ร้อยไหมลดร่องแก้ม เป็นหัตถการที่ช่วยยกกระชับใบหน้า ช่วยให้หน้ายกขึ้น ร่องแก้มลึกจะดูตื้นขึ้น หน้าดูสดใสอิ่มฟู แต่การร้อยไหมลดร่องแก้มมีข้อควรระวังอะไรบ้าง บทความนี้จะมาอธิบายเพื่อประกอบการตัดสินใจในการเลือกทำหัตถการนี้
รวมทุกหัวข้อเกี่ยวกับร้อยไหมลดร่องแก้ม
- ร้อยไหมลดร่องแก้มคืออะไร
- หัตถการร้อยไหมลดร่องแก้มมีหลักการทำงานอย่างไร
- ร้อยไหมลดร่องแก้มเหมาะกับใคร
- ใครควรหลีกเลี่ยงร้อยไหมลดร่องแก้ม
- ร้อยไหมลดร่องแก้มมีกี่แบบ อะไรบ้าง
- ข้อดีของการทำร้อยไหมลดร่องแก้ม
- ข้อควรระวังของการร้อยไหมลดร่องแก้ม
- การร้อยไหมลดร่องแก้มเจ็บไหม
- การร้อยไหมลดร่องแก้มควรทำตอนอายุเท่าไหร่
- การเตรียมตัวในการร้อยไหมลดร่องแก้ม
- ขั้นตอนการร้อยไหมลดร่องแก้ม
- วิธีดูแลตัวเองหลังร้อยไหมลดร่องแก้ม
- หลังร้อยไหมลดร่องแก้มบวมกี่วัน
- ถ้าไม่ร้อยไหมลดร่องแก้มซ้ำหน้าจะห้อยหรือไม่
- ร้อยไหมลดร่องแก้มกับฟิลเลอร์ลดร่องแก้มต่างกันอย่างไร
- ร้อยไหมลดร่องแก้มกับโบท็อกซ์ต่างกันอย่างไร
- สรุปทุกเรื่องเกี่ยวกับการร้อยไหมลดร่องแก้ม
- Q and A ของการร้อยไหมลดร่องแก้ม
ร้อยไหมลดร่องแก้มคืออะไร
การร้อยไหมลดร่องแก้ม คือวิธีดูแลผิวหน้าโดยใช้เส้นไหมละลายที่ผ่านการรับรองทางการแพทย์ ใส่เข้าไปใต้ผิวหนังบริเวณที่มีปัญหาร่องลึกหรือความหย่อนคล้อย เช่น ร่องแก้ม เพื่อช่วย ยกกระชับผิว และ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ในชั้นผิว
การร้อยไหมลดร่องแก้มเป็นหัตถการที่ไม่ต้องผ่าตัด เห็นผลหลังทำเลยในระดับหนึ่ง และมักจะดีขึ้นอย่างต่อเนื่องภายหลังทำร้อยไหมลดร่องแก้ม ทั้งนี้ผลลัพธ์และความเหมาะสมจะแตกต่างกันในแต่ละบุคคล
หัตถการร้อยไหมลดร่องแก้มมีหลักการทำงานอย่างไร
การร้อยไหมลดร่องแก้ม เป็นหัตถการทางการแพทย์ที่มีจุดประสงค์เพื่อลดความลึกของร่องแก้มและฟื้นฟูความกระชับของผิวโดยไม่ต้องผ่าตัด โดยหลักการทำงานของหัตถการร้อยไหมลดร่องแก้มนี้ประกอบด้วย 2 ส่วนหลัก ดังนี้
1.การยกผิวด้วยโครงสร้างของไหม
แพทย์จะใช้ไหมละลายที่ออกแบบให้มี “เงี่ยง” หรือ “ปุ่มเล็ก ๆ” บนเส้นไหม เพื่อให้สามารถเกี่ยวและยึดจับกับชั้นผิวหนังได้อย่างเหมาะสม เมื่อร้อยไหมเข้าไปใต้ผิวในแนวเฉพาะที่แพทย์ประเมินไว้ ไหมจะช่วย ดึงและพยุงผิวที่หย่อนคล้อย ให้ยกตัวขึ้น การร้อยไหมลดร่องแก้มช่วยลดลักษณะของร่องลึก เช่น ร่องแก้ม ให้ดูตื้นลงทันทีในระดับหนึ่ง
2.การกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนตามกระบวนการทำงานของร่างกาย
หลังจากการร้อยไหมลดร่องแก้ม ไหมจะถูกร้อยเข้าไปในผิว ร่างกายจะมองว่าไหมเป็นสิ่งแปลกปลอมชนิดที่ไม่เป็นอันตราย จึงเกิดการ กระตุ้นให้เซลล์ผิวสร้างคอลลาเจนและอิลาสติน รอบ ๆ เส้นไหมอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ผิวมีความแน่น ฟู และยืดหยุ่นมากขึ้นในระยะยาว แม้หลังจากที่ไหมละลายไปแล้ว ผิวบริเวณที่ทำจะยังคงดูดีขึ้นจากการสร้างคอลลาเจนที่เกิดขึ้นตามกลไกของร่างกาย
มาตรฐานของไหมที่ใช้ในการร้อยไหมลดร่องแก้ม
ไหมที่ใช้ในการร้อยไหมลดร่องแก้มมักเป็นไหมละลายประเภทที่ผ่านการรับรอง เช่น PDO (Polydioxanone) ซึ่งมีความปลอดภัย สามารถสลายได้เองภายในระยะเวลาประมาณ 6-8 เดือนโดยไม่ทิ้งสารตกค้างในร่างกาย
ร้อยไหมลดร่องแก้มเหมาะกับใคร
การร้อยไหมลดร่องแก้มเป็นหัตถการที่ช่วยยกกระชับผิวและลดความลึกของร่องแก้มโดยไม่ต้องผ่าตัด เหมาะสำหรับคนที่มีลักษณะหรือปัญหาผิวหน้าในกลุ่มต่อไปนี้
1.ร้อยไหมลดร่องแก้มเหมาะกับผู้ที่เริ่มมีร่องแก้มลึกจากวัยที่เพิ่มขึ้น
เมื่ออายุมากขึ้น ผิวจะสูญเสียความยืดหยุ่น คอลลาเจนและไขมันใต้ผิวลดลง ทำให้เกิดร่องแก้มลึก การร้อยไหมสามารถช่วยยกผิวให้ดูเต่งตึงขึ้นและลดความเด่นชัดของร่องได้
2.ร้อยไหมลดร่องแก้มเหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยแต่ยังไม่ต้องการผ่าตัด
เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการยกกระชับผิวหน้าโดยไม่ต้องศัลยกรรม เช่น ผู้ที่ไม่สะดวกพักฟื้นจากการผ่าตัด หรือยังไม่ถึงเกณฑ์ที่จำเป็นต้องดึงหน้าแบบผ่าตัด
3.ร้อยไหมลดร่องแก้มเหมาะกับผู้ที่มีใบหน้าผอม ขาดไขมันบริเวณแก้มกลาง
ในบางราย แม้อายุยังไม่มาก แต่โครงสร้างใบหน้าทำให้ร่องแก้มดูชัดเจน การร้อยไหมลดร่องแก้มสามารถช่วยพยุงผิวและลดความลึกของร่องได้โดยไม่จำเป็นต้องใช้ฟิลเลอร์หรือสารเติมเต็ม
4.ร้อยไหมลดร่องแก้มเหมาะกับผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าให้ดูอ่อนเยาว์ขึ้น
สำหรับผู้ที่ไม่มีปัญหาร่องแก้มลึกมาก แต่อยากปรับรูปหน้าให้ดูกระชับ สดใส และช่วยลดความหย่อนคล้อย การร้อยไหมลดร่องแก้มสามารถเป็นวิธีการดูแลตัวเองที่เสริมลุคได้
ใครควรหลีกเลี่ยงร้อยไหมลดร่องแก้ม
แม้ว่าการร้อยไหมลดร่องแก้มจะเป็นหัตถการที่ไม่ต้องผ่าตัดและมักใช้ไหมละลายที่ไม่อันตราย แต่ก็ยังมีข้อจำกัดบางประการที่ควรพิจารณาเป็นพิเศษ เพราะไม่ใช่ทุกคนที่จะเหมาะสมกับหัตถการร้อยไหมลดร่องแก้มนี้
ต่อไปคือกลุ่มบุคคลที่ ควรหลีกเลี่ยงหรือปรึกษาแพทย์อย่างละเอียดก่อนร้อยไหมลดร่องแก้ม
1.ผู้ที่ตั้งครรภ์หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร ควรหลีกเลี่ยงหัตถการร้อยไหมลดร่องแก้ม
ในระหว่างตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร ควรงดการทำหัตถการทุกประเภทที่เกี่ยวข้องกับการสอดใส่วัสดุเข้าสู่ร่างกาย แม้ว่ายังไม่มีหลักฐานยืนยันแน่ชัดว่าการร้อยไหมลดร่องแก้มมีผลต่อทารกหรือปริมาณน้ำนม แต่เพื่อไม่ให้เป็นอันตรายต่อร่างกาย ควรรอให้พ้นช่วงนี้ก่อน
2.ผู้ที่มีปัญหาโรคผิวหนังบริเวณใบหน้า ควรหลีกเลี่ยงหัตถการร้อยไหมลดร่องแก้ม
เช่น การติดเชื้อผิวหนัง โรคผิวหนังอักเสบเรื้อรัง หรือมีแผลบริเวณที่ต้องทำหัตถการ ควรรักษาให้หายดีก่อน เพราะการร้อยไหมลดร่องแก้มอาจทำให้เกิดการติดเชื้อหรืออักเสบเพิ่มขึ้นได้
3.ผู้ที่มีปัญหาเลือดออกง่ายหรือใช้ยาละลายลิ่มเลือด ควรหลีกเลี่ยงหัตถการร้อยไหมลดร่องแก้ม
เช่น ผู้ที่มีภาวะเกล็ดเลือดต่ำ เลือดหยุดยาก หรือใช้ยาแอสไพริน วาร์ฟาริน หรือยาต้านเกล็ดเลือดอื่น ๆ ควรแจ้งแพทย์ล่วงหน้า เพราะการร้อยไหมลดร่องแก้มมีโอกาสเกิดรอยช้ำหรือเลือดออกใต้ผิวหนังมากกว่าปกติ
4.ผู้ที่มีโรคเรื้อรังบางประเภท ควรหลีกเลี่ยงหัตถการร้อยไหมลดร่องแก้ม
เช่น โรคเบาหวานชนิดควบคุมไม่ได้, โรคแพ้ภูมิตัวเอง, หรือโรคที่เกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกัน ควรได้รับการประเมินจากแพทย์เฉพาะทางก่อนทุกครั้ง เพราะโรคเหล่านี้อาจส่งผลต่อการฟื้นตัวของแผลและเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อในการทำหัตถการร้อยไหมลดร่องแก้ม
5.ผู้ที่มีประวัติแพ้วัสดุทางการแพทย์หรือไหมละลาย
แม้ว่าจะพบได้น้อยมาก แต่หากเคยมีประวัติแพ้ไหมละลายหรือวัสดุทางการแพทย์ใด ๆ ควรแจ้งแพทย์ล่วงหน้าเพื่อพิจารณาทางเลือกอื่น
ร้อยไหมลดร่องแก้มมีกี่แบบ อะไรบ้าง
การร้อยไหมลดร่องแก้มมีหลายเทคนิคและชนิดของเส้นไหมที่ใช้ ซึ่งแตกต่างกันทั้งในด้านลักษณะของไหม จุดประสงค์ และผลลัพธ์ในการร้อยไหมลดร่องแก้มที่คาดหวัง โดยสามารถแบ่งประเภทของไหมที่นิยมใช้ได้ ดังนี้
1.ไหม PDO (Polydioxanone) ในการร้อยไหมลดร่องแก้ม
ไหมชนิดนี้เป็นที่นิยมมากในการร้อยไหมลดร่องแก้ม เนื่องจากมีคุณสมบัติสามารถละลายได้ในร่างกายภายในระยะเวลาประมาณ 6-8 เดือนที่ไม่อันตราย และช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้ดี เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการยกกระชับผิว ลดความหย่อนคล้อยบริเวณร่องแก้ม และปรับรูปหน้าให้ดูเรียบเนียนขึ้น
2.ไหม PLLA (Poly-L-Lactic Acid) ในการร้อยไหมลดร่องแก้ม
ไหมชนิดนี้มีอายุการละลายที่นานกว่า PDO คือประมาณ 12-18 เดือน มีจุดเด่นคือช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในระยะยาว จึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่อยู่ได้นานขึ้นในการร้อยไหมลดร่องแก้ม แต่ต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์ เพราะไหมชนิดนี้ต้องการเทคนิคการวางที่เฉพาะตัว
3.ไหม PCL (Polycaprolactone)
ไหม PCL เป็นไหมรุ่นใหม่ที่มีความยืดหยุ่นสูง และละลายช้ากว่าแบบอื่น โดยอยู่ได้นานถึง 18-24 เดือน จุดเด่นคือช่วยให้ผิวดูแน่นและเต่งตึงขึ้นในระยะยาว เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความกระชับ ร้อยไหมลดร่องแก้มและไม่มีแพลนทำหัตถการบ่อยครั้ง
การแบ่งตามลักษณะของไหม
นอกจากวัสดุ ยังสามารถแบ่งตาม “ลักษณะ” หรือ “โครงสร้างของเส้นไหม” ได้อีกด้วย เช่น
- ไหมเรียบ (Mono Thread) ไม่มีเงี่ยง ใช้เพื่อกระตุ้นคอลลาเจนอย่างเดียว เหมาะสำหรับคนที่มีร่องไม่ลึกมาก หรือใช้เสริมผลของไหมเงี่ยง
- ไหมเงี่ยง (Cog Thread) มีเงี่ยงหรือก้านเกี่ยว เพื่อยึดเกาะชั้นผิวหนังและยกพยุงผิวได้ดี เหมาะกับผู้ที่ต้องการยกกระชับร่องแก้มอย่างชัดเจน
- ไหมเกลียว (Screw/Double Screw) ไหมที่มีลักษณะเป็นเกลียว ช่วยเพิ่มพื้นที่สัมผัสกับเนื้อเยื่อผิว เพิ่มประสิทธิภาพการกระตุ้นคอลลาเจน เหมาะกับผิวที่ต้องการความฟูและแน่น
ข้อดีของการทำร้อยไหมลดร่องแก้ม
การร้อยไหมลดร่องแก้มเป็นหัตถการที่ได้รับความนิยมในด้านความงาม เนื่องจากสามารถฟื้นฟูผิวให้แลดูอ่อนเยาว์ได้โดยไม่ต้องผ่าตัด มีข้อดีที่น่าสนใจดังนี้
1.ช่วยยกกระชับผิวบริเวณร่องแก้มได้ทันทีในระดับหนึ่ง
หลังทำหัตถการจะสามารถสังเกตได้ว่าผิวบริเวณร่องแก้มดูตื้นขึ้นและกระชับขึ้นทันที เนื่องจากไหมที่ร้อยเข้าไปจะช่วยพยุงและยกผิวที่หย่อนคล้อยให้เข้าที่
2.กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิวตามธรรมชาติ
เส้นไหมที่ใช้ในการร้อยจะกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินบริเวณรอบ ๆ เส้นไหม ทำให้ผิวในจุดนั้นมีความยืดหยุ่น แน่นกระชับ และแลดูเรียบเนียนขึ้นในระยะยาว
3.ไม่ต้องผ่าตัดและพักฟื้นน้อย
เป็นหัตถการที่ใช้เข็มขนาดเล็ก โดยไม่ต้องผ่าตัดหรือวางยาสลบ ผู้รับบริการสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติภายในเวลาอันสั้น ลดความเสี่ยงและความกังวลในการฟื้นตัว
4.ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ
การยกกระชับด้วยเส้นไหมช่วยเสริมโครงสร้างผิวให้เข้ารูป โดยไม่ทำให้ใบหน้าดูเปลี่ยนแปลงผิดธรรมชาติ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปรับลุคให้ดูอ่อนเยาว์โดยยังคงบุคลิกเดิมไว้
5.เป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ยังไม่พร้อมผ่าตัด
เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาร่องแก้มไม่มาก หรือยังไม่ต้องการศัลยกรรม การร้อยไหมเป็นวิธีที่ปลอดภัยและเหมาะกับผู้ที่ต้องการดูแลผิวหน้าในระยะกลางถึงระยะยาว
6.สามารถทำร่วมกับหัตถการอื่นได้
ในบางกรณี แพทย์อาจแนะนำให้ทำร้อยไหมร่วมกับหัตถการอื่น เช่น ฟิลเลอร์ หรือเลเซอร์ เพื่อเสริมผลลัพธ์ให้ชัดเจนและครอบคลุมมากขึ้น ทั้งนี้ต้องอยู่ภายใต้การประเมินอย่างรอบคอบจากแพทย์
ข้อควรระวังของการร้อยไหมลดร่องแก้ม
แม้ว่าการร้อยไหมลดร่องแก้มจะเป็นหัตถการที่ไม่อันตรายและไม่ต้องผ่าตัด แต่ก็ยังมีข้อควรระวังสำคัญที่ควรทราบก่อนตัดสินใจทำร้อยไหมลดร่องแก้ม เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่เหมาะสมและลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น ดังนี้
1.ต้องทำโดยแพทย์ในการร้อยไหมลดร่องแก้ม
การร้อยไหมลดร่องแก้มต้องอาศัยความรู้เฉพาะทางในการวางแนวไหมและเลือกชนิดไหมที่เหมาะกับสภาพผิวและปัญหาของแต่ละบุคคล หากทำโดยผู้ที่ไม่มีความชำนาญ อาจเสี่ยงต่อการร้อยไหมลดร่องแก้มผิดชั้นผิว ทำให้เกิดพังผืด ผิวไม่เรียบ หรือเห็นปลายไหมโผล่ได้
2.เลือกคลินิกที่ได้มาตรฐานและผ่านการรับรองในการร้อยไหมลดร่องแก้ม
สถานพยาบาลที่ให้บริการต้องมีใบอนุญาตประกอบการที่ถูกต้องจากกระทรวงสาธารณสุข ใช้ไหมที่ปลอดภัย ผ่านการรับรอง และมีมาตรฐานการควบคุมความสะอาดและปลอดเชื้อ
3.ไม่ควรทำในขณะตั้งครรภ์หรือให้นมบุตรในการร้อยไหมลดร่องแก้ม
แม้ไหมจะเป็นวัสดุที่ละลายได้และมีความปลอดภัย แต่ในช่วงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร ร่างกายมีการเปลี่ยนแปลงหลายด้าน จึงไม่ควรทำหัตถการใด ๆ ที่อาจส่งผลกระทบได้โดยไม่จำเป็น
4.เสี่ยงเกิดรอยช้ำหรือบวมหลังทำร้อยไหมลดร่องแก้ม
เป็นอาการที่พบได้ทั่วไปหลังร้อยไหมลดร่องแก้ม ซึ่งมักจะหายได้เองภายในไม่กี่วัน แต่หากเกิดอาการผิดปกติ เช่น ปวดมาก บวมแดงรุนแรง หรือมีหนอง ควรกลับไปพบแพทย์ทันที
5.ต้องหลีกเลี่ยงกิจกรรมบางอย่างในช่วงพักฟื้นหลังทำร้อยไหมลดร่องแก้ม
หลังทำร้อยไหมลดร่องแก้มควรงดการนวดหน้า ออกกำลังกายหนัก อบซาวน่า หรือกิจกรรมที่ทำให้ใบหน้าเคลื่อนไหวมากในช่วง 7-14 วัน เพื่อป้องกันไม่ให้ไหมเคลื่อนผิดตำแหน่ง
6.ผลลัพธ์หลังทำร้อยไหมลดร่องแก้มไม่ถาวร
การร้อยไหมลดร่องแก้มให้ผลในระยะกลาง โดยไหมจะค่อย ๆ ละลายภายใน 6-18 เดือน ขึ้นอยู่กับชนิดของไหม ดังนั้นผู้รับบริการควรมีความเข้าใจว่าการร้อยไหมลดร่องแก้มไม่ใช่การแก้ปัญหาแบบถาวร
การร้อยไหมลดร่องแก้มเจ็บไหม
คำถามที่พบบ่อยจากผู้ที่สนใจทำหัตถการร้อยไหมลดร่องแก้มคือ “การร้อยไหมลดร่องแก้มเจ็บไหม ? ” ซึ่งในความเป็นจริง ความรู้สึกขณะทำจะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ทั้งสภาพผิว ความไวต่อความรู้สึกของแต่ละบุคคล และเทคนิคของแพทย์ผู้ทำหัตถการ
โดยทั่วไป การร้อยไหมลดร่องแก้มจะไม่เจ็บมาก เพราะแพทย์จะมีการเตรียมความพร้อมก่อนทำ ดังนี้
1.การทายาชาก่อนทำหัตถการร้อยไหมลดร่องแก้ม
ก่อนเริ่มร้อยไหมลดร่องแก้ม แพทย์จะทายาชาบริเวณผิวหน้าและรอให้ยาชาออกฤทธิ์ประมาณ 30-45 นาที ช่วยลดความรู้สึกระคายเคืองหรือเจ็บขณะร้อยไหมลดร่องแก้มได้อย่างมาก
2.บางกรณีอาจมีการฉีดยาชาเฉพาะจุด
ในบางรายที่แพทย์เห็นว่าจุดที่ร้อยไหมมีเส้นประสาทมาก หรือผู้รับบริการมีความกังวลเรื่องความเจ็บ อาจมีการฉีดยาชาเฉพาะจุดร่วมด้วย เพื่อเพิ่มความสบายระหว่างหัตถการ
3.ความรู้สึกที่อาจเกิดขึ้นในการร้อยไหมลดร่องแก้ม
แม้จะมีการใช้ยาชา ผู้รับบริการอาจรู้สึก "ตึง" หรือ "เสียว" เล็กน้อยเมื่อเส้นไหมถูกดึงเข้าไปใต้ผิว หรือขณะไหมเกี่ยวกับชั้นผิวเพื่อยกกระชับ แต่โดยทั่วไปจะไม่ใช่ความเจ็บที่รุนแรง และสามารถทนได้ในระดับปานกลาง
หลังทำร้อยไหมลดร่องแก้มจะเจ็บหรือไม่ ?
หลังร้อยไหมลดร่องแก้มเสร็จ อาจรู้สึกตึงหรือระบมเล็กน้อยบริเวณที่ทำ โดยเฉพาะช่วงขยับใบหน้า เช่น ตอนยิ้มหรือพูด แต่ความรู้สึกนี้มักค่อย ๆ ลดลงภายใน 2-5 วัน หากมีรอยช้ำหรือบวม สามารถประคบเย็นได้ และควรหลีกเลี่ยงการนวดหรือกดผิวในจุดที่ร้อยไหมลดร่องแก้ม
การร้อยไหมลดร่องแก้มควรทำตอนอายุเท่าไหร่
การร้อยไหมลดร่องแก้มไม่มีเกณฑ์อายุที่ “ตายตัว” เพราะแต่ละคนมีโครงสร้างใบหน้า สภาพผิว และปัญหาความหย่อนคล้อยที่แตกต่างกัน อย่างไรก็ตาม แพทย์ผู้มักแนะนำให้พิจารณาจาก “ความเหมาะสมของสภาพผิว” มากกว่าอายุเพียงอย่างเดียวในการทำร้อยไหมลดร่องแก้ม
โดยทั่วไป ผู้ที่เริ่ม มีร่องแก้มชัด หรือผิวบริเวณแก้มเริ่มหย่อนคล้อยเล็กน้อย มักจะเริ่มสนใจทำร้อยไหมลดร่องแก้มตั้งแต่อายุประมาณ 30 ปีขึ้นไป
เหตุผลที่ช่วงวัย 30 ปีขึ้นไปเหมาะสมในการร้อยไหมลดร่องแก้ม
• เป็นช่วงที่ผิวเริ่มสูญเสียคอลลาเจนและความยืดหยุ่น
• ร่องแก้มที่เคยจางเริ่มปรากฏชัดขึ้นเมื่อผิวขาดความกระชับ
• ยังไม่มีความหย่อนคล้อยรุนแรง จึงสามารถใช้การร้อยไหมเพื่อ ยกกระชับและลดการเสื่อมของผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
แล้ววัยต่ำกว่า 30 ทำร้อยไหมลดร่องแก้มได้ไหม
สามารถทำร้อยไหมลดร่องแก้มได้ หากมีปัญหาร่องแก้มชัดเจนจากโครงสร้างใบหน้า หรือเกิดจากการยิ้มจนเป็นรอยลึก โดยเฉพาะในผู้ที่มีใบหน้าผอมมาก หรือไขมันแก้มน้อย อย่างไรก็ตามควรได้รับการประเมินจากแพทย์ก่อนทุกครั้ง ว่าการร้อยไหมลดร่องแก้มเป็นทางเลือกที่เหมาะสมหรือไม่
การเตรียมตัวในการร้อยไหมลดร่องแก้ม
การร้อยไหมลดร่องแก้มเป็นหัตถการที่ไม่ต้องผ่าตัด แต่เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาดี ไม่อันตราย และลดความเสี่ยงต่ออาการข้างเคียง ผู้รับบริการควรมีการเตรียมตัวล่วงหน้าดังนี้
1.ปรึกษาแพทย์ก่อนทำหัตถการร้อยไหมลดร่องแก้ม
ก่อนเข้ารับบริการควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินโครงสร้างใบหน้า ร่องแก้ม ความหย่อนคล้อยของผิว รวมถึงประวัติสุขภาพส่วนตัว เช่น โรคประจำตัว ประวัติการแพ้ยา หรือการใช้ยาบางประเภทที่อาจมีผลต่อการหายของแผล
2.งดยาและอาหารเสริมบางชนิดล่วงหน้าก่อนทำหัตถการร้อยไหมลดร่องแก้ม
ควรงดรับประทานยาหรืออาหารเสริมที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพริน, วิตามินอี, น้ำมันปลา, โสม หรือใบแปะก๊วย ประมาณ 5-7 วันก่อนทำ (เว้นแต่แพทย์จะพิจารณาเป็นกรณีพิเศษ) เพื่อลดความเสี่ยงต่อการช้ำหรือเลือดออกใต้ผิวหนัง
3.งดแอลกอฮอล์ก่อนทำร้อยไหมลดร่องแก้มประมาณ 24 ชั่วโมง
การดื่มแอลกอฮอล์ก่อนเข้ารับการร้อยไหมอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการบวมและช้ำได้มากกว่าปกติ จึงควรงดไว้ล่วงหน้าอย่างน้อย 1 วัน
4.พักผ่อนให้เพียงพอก่อนทำร้อยไหมลดร่องแก้ม
ร่างกายที่พักผ่อนเพียงพอจะช่วยให้กระบวนการฟื้นตัวของผิวดีขึ้น และลดโอกาสการเกิดภาวะแทรกซ้อนหลังทำ
5.งดแต่งหน้าในวันรับบริการ
ในวันทำหัตถการ ควรงดการแต่งหน้าหรือทาครีมใด ๆ บริเวณใบหน้า เพื่อให้แพทย์สามารถทำความสะอาดผิวได้อย่างหมดจด ลดความเสี่ยงของการติดเชื้อ
6.เตรียมใจและทำความเข้าใจเกี่ยวกับผลลัพธ์
การร้อยไหมลดร่องแก้มสามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงหลังทำได้ในระดับหนึ่งทันที และผลลัพธ์จะค่อย ๆ ดีขึ้นในระยะต่อมา ควรเข้าใจว่าแต่ละคนจะเห็นผลแตกต่างกันขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการตอบสนองของร่างกาย
ขั้นตอนการร้อยไหมลดร่องแก้ม
การร้อยไหมลดร่องแก้มเป็นหัตถการที่ดำเนินโดยแพทย์ โดยมีขั้นตอนที่ชัดเจนและไม่เป็นอันตราย ซึ่งสามารถแบ่งออกได้เป็นลำดับ ดังนี้
1.การประเมินใบหน้าและให้คำปรึกษาโดยแพทย์
แพทย์จะเริ่มจากการตรวจประเมินลักษณะของร่องแก้ม ระดับความลึกของร่อง ความหย่อนคล้อยของผิว และโครงสร้างใบหน้าโดยรวม เพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสม และเลือกชนิดไหม จำนวนเส้น และแนวการร้อยไหมลดร่องแก้มที่เหมาะกับแต่ละบุคคล
2.การทำความสะอาดใบหน้าและเตรียมผิว
ก่อนเริ่มหัตถการร้อยไหมลดร่องแก้ม แพทย์หรือนักเทคนิคจะทำความสะอาดผิวหน้าอย่างละเอียด เพื่อขจัดคราบเครื่องสำอาง ความมัน หรือสิ่งสกปรก ลดความเสี่ยงในการติดเชื้อระหว่างร้อยไหม
3.การทายาชาหรือฉีดยาชาเฉพาะจุด
หลังจากเตรียมผิวเรียบร้อยแล้ว จะมีการ ทายาชา บริเวณร่องแก้มและจุดที่ต้องร้อยไหมลดร่องแก้ม ทิ้งไว้ประมาณ 30-45 นาที เพื่อให้เกิดอาการชา ลดความรู้สึกเจ็บขณะทำ
ในบางกรณี แพทย์อาจใช้ ยาชาเฉพาะจุดแบบฉีด ร่วมด้วยหากเห็นว่าจำเป็น
4.ขั้นตอนการร้อยไหมลดร่องแก้ม
แพทย์จะใช้เข็มนำไหมละลายเข้าสู่ชั้นผิวหนังในแนวที่วางแผนไว้ โดยเน้นให้ไหมเข้าไปยึดพยุงผิวบริเวณที่หย่อนคล้อย และช่วยยกกระชับร่องแก้มให้ดูตื้นขึ้น การวางไหมต้องถูกตำแหน่งและเป็นไปตามแนวเส้นเอ็นบนใบหน้า เพื่อให้ผลลัพธ์ดูละมุนและสมดุลทั้งสองข้าง
5.ตรวจเช็คความเรียบร้อยหลังทำร้อยไหมลดร่องแก้ม
เมื่อร้อยไหมลดร่องแก้มครบตามจำนวน แพทย์จะทำความสะอาดใบหน้าอีกครั้ง พร้อมประเมินผลเบื้องต้น เช่น ความสมดุล ความตึงของผิว และอาการบวมช้ำ จากนั้นจะให้คำแนะนำการดูแลตัวเองหลังทำหัตถการร้อยไหมลดร่องแก้มอย่างชัดเจน
6.กลับบ้านได้ทันที
การร้อยไหมลดร่องแก้มไม่จำเป็นต้องพักฟื้นในคลินิก ผู้รับบริการสามารถกลับบ้านได้เลยหลังทำ โดยอาจมีอาการตึงหรือบวมเล็กน้อยในช่วง 2-3 วันแรก ซึ่งเป็นปกติ และสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ (เว้นแต่บางกิจกรรมที่แพทย์จะแนะนำให้หลีกเลี่ยงชั่วคราว)
วิธีดูแลตัวเองหลังร้อยไหมลดร่องแก้ม
หลังการร้อยไหมลดร่องแก้ม แม้จะเป็นหัตถการร้อยไหมลดร่องแก้มที่ไม่ต้องผ่าตัด แต่ก็ยังจำเป็นต้องดูแลตนเองอย่างถูกวิธีในการ เพื่อช่วยลดอาการบวมช้ำ ป้องกันการติดเชื้อ และให้ผลลัพธ์ของหัตถการอยู่ได้นานและสวยงามที่สุด โดยมีคำแนะนำเบื้องต้นดังนี้
1.หลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือกดแรงบริเวณที่ร้อยไหมลดร่องแก้ม
ในช่วง 1-2 วันแรกหลังทำ ควรหลีกเลี่ยงการจับ นวด ขยี้ หรือกดแรงบริเวณใบหน้า โดยเฉพาะบริเวณร่องแก้ม เพื่อป้องกันไม่ให้เส้นไหมเคลื่อนที่หรือหลุดจากตำแหน่งที่วางไว้
2.ประคบเย็นหากมีอาการบวมหลังร้อยไหมลดร่องแก้ม
หากรู้สึกบวมเล็กน้อยหรือมีรอยช้ำ สามารถประคบเย็นเบา ๆ บริเวณที่ทำในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรก โดยประคบครั้งละ 10-15 นาที ห่างกันทุก 2-3 ชั่วโมง จะช่วยลดอาการบวมและรอยช้ำได้เร็วขึ้น
3.งดนอนตะแคงหรือกดใบหน้ากับหมอน
ควรนอนหงาย และหนุนหมอนสูงเล็กน้อยในช่วง 3-5 วันแรก เพื่อหลีกเลี่ยงการกดทับใบหน้าที่อาจทำให้ไหมเคลื่อน หรือผิวผิดรูป
4.หลีกเลี่ยงการแสดงสีหน้าแรง ๆ หลังร้อยไหมลดร่องแก้ม
ในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก ควรหลีกเลี่ยงการยิ้มกว้าง หัวเราะแรง หรือแสดงสีหน้าเกร็ง ๆ มากเกินไป เพราะอาจกระทบกับตำแหน่งของไหมและทำให้รู้สึกตึงหรือเจ็บได้
5.งดแต่งหน้าใน 24 ชั่วโมงแรก
ควรปล่อยให้ผิวได้พักฟื้นหลังทำ โดยงดใช้เครื่องสำอางหรือครีมบำรุงต่าง ๆ บริเวณใบหน้าในวันแรก และกลับมาใช้ได้เมื่อแผลเริ่มสมานดีแล้ว
6.งดออกกำลังกายหนัก 5-7 วัน
หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออกมากหรือใบหน้าเคลื่อนไหวแรง เช่น วิ่ง กระโดด หรือยกน้ำหนัก เพื่อป้องกันการระคายเคืองหรือการเคลื่อนของเส้นไหม
7.งดเข้าซาวน่า อบไอน้ำ และเลเซอร์ผิวหน้า
ในช่วง 2 สัปดาห์แรก ควรงดการทำทรีตเมนต์ที่ใช้ความร้อนสูง เช่น ซาวน่า อบไอน้ำ หรือเลเซอร์ใด ๆ บริเวณใบหน้า เพราะอาจส่งผลต่อไหมที่อยู่ใต้ผิว
8.รับประทานยาตามคำแนะนำของแพทย์
หากแพทย์สั่งจ่ายยาแก้อักเสบ ยาฆ่าเชื้อ หรือยาแก้ปวด ควรรับประทานให้ครบตามที่กำหนด และหากมีอาการผิดปกติ เช่น บวมแดงมาก เจ็บผิดปกติ หรือมีไข้ ควรรีบกลับมาพบแพทย์ทันที
หลังร้อยไหมลดร่องแก้มบวมกี่วัน
อาการบวมหลังร้อยไหมลดร่องแก้ม เป็นเรื่องที่สามารถเกิดขึ้นได้ตามปกติ และเป็นผลข้างเคียงชั่วคราวจากกระบวนการสอดไหมเข้าไปใต้ผิวหนัง ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว อาการบวมจะค่อย ๆ ลดลงภายใน 3-7 วัน ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น สภาพผิวของแต่ละคน เทคนิคของแพทย์ และการดูแลหลังทำ
ระยะเวลาที่อาจพบอาการบวมหลังทำร้อยไหมลดร่องแก้ม
วันแรก วันที่ 3
ช่วงนี้มักเป็นช่วงที่ผิวมีอาการบวมชัดที่สุด โดยเฉพาะบริเวณที่ร้อยไหมเข้าไป ผู้รับบริการอาจรู้สึกตึงหรือระบมเล็กน้อยขณะพูดหรือยิ้ม
วันที่ 4 วันที่ 7
อาการบวมจะค่อย ๆ ลดลง และใบหน้าจะเริ่มเข้าที่มากขึ้น หากมีรอยช้ำร่วมด้วยก็มักจะเริ่มจางในช่วงนี้เช่นกัน
หลัง 1 สัปดาห์
ผิวจะเริ่มกระชับขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ โดยทั่วไปอาการบวมจะหายไปเกือบหมด และสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ
อย่างไรก็ตาม หากมีอาการบวมแดงรุนแรง เจ็บมาก หรือมีไข้ร่วมด้วย ควรรีบกลับไปพบแพทย์ทันที เพราะอาจเป็นสัญญาณของการติดเชื้อหรือภาวะแทรกซ้อน
วิธีลดอาการบวมหลังร้อยไหมลดร่องแก้ม
• ประคบเย็นเบา ๆ ในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรก
• นอนหงาย หลีกเลี่ยงการกดใบหน้ากับหมอน
• งดแอลกอฮอล์ อาหารรสจัด และกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีดแรง เช่น ออกกำลังกายหนัก
• รับประทานยาตามที่แพทย์สั่งอย่างสม่ำเสมอ
ถ้าไม่ร้อยไหมลดร่องแก้มซ้ำหน้าจะห้อยหรือไม่
เป็นคำถามที่หลายคนกังวลหลังทำร้อยไหมลดร่องแก้มครั้งแรกว่า “ถ้าไม่ทำซ้ำ ใบหน้าจะหย่อนคล้อยมากกว่าเดิมหรือไม่ ” ซึ่งคำตอบคือ “โดยทั่วไปใบหน้าจะไม่หย่อนคล้อยมากไปกว่าเดิม” หากไม่ทำซ้ำ ทั้งนี้ควรเข้าใจกลไกของการร้อยไหมลดร่องแก้มและธรรมชาติของผิวอย่างชัดเจนก่อน
การร้อยไหมลดร่องแก้มไม่ได้ทำให้ผิวเสื่อมลง
การร้อยไหมลดร่องแก้มเป็นหัตถการที่ช่วยยกกระชับผิวและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวได้ เมื่อเวลาผ่านไป ไหมจะค่อย ๆ สลายไป โดยที่ ผิวจะกลับสู่สภาพเดิมก่อนทำ หรือในบางกรณีอาจดีกว่าเดิมเล็กน้อย เนื่องจากยังมีคอลลาเจนที่ร่างกายสร้างไว้หลงเหลืออยู่
แล้วทำไมบางคนรู้สึกว่าหน้าห้อยหลังไหมสลาย ?
ความรู้สึกนี้อาจเกิดจากสาเหตุอื่นที่ไม่เกี่ยวกับการร้อยไหมลดร่องแก้มโดยตรง เช่น
• อายุที่เพิ่มขึ้น ทำให้ผิวเสื่อมลง
• การใช้ชีวิต เช่น พักผ่อนน้อย น้ำหนักลด หรือโดนแดดมาก
• ความคาดหวังที่เปลี่ยนไป หลังจากเคยเห็นใบหน้า “ตึง” จากผลของไหม
ดังนั้น อาการใบหน้ากลับมาหย่อนหลังไหมสลายจึงเป็น กลไกปกติของผิวที่เสื่อมลงตามวัย ไม่ใช่เพราะการร้อยไหมทำให้ผิวเสียหรือห้อยกว่าเดิม
ควรทำซ้ำหรือไม่
การร้อยไหมลดร่องแก้มสามารถทำซ้ำได้ตามคำแนะนำของแพทย์ หากประเมินแล้วว่าสภาพผิวกลับมาหย่อนคล้อยอีกครั้ง โดยทั่วไปอาจทำซ้ำทุก 8-18 เดือน ขึ้นอยู่กับชนิดของไหม สภาพผิว และผลลัพธ์ที่ต้องการ ทั้งนี้ไม่จำเป็นต้องทำซ้ำถี่เกินไป
ร้อยไหมลดร่องแก้มกับฟิลเลอร์ลดร่องแก้มต่างกันอย่างไร
ร้อยไหมลดร่องแก้ม
คือ การใช้เส้นไหมละลายร้อยเข้าใต้ผิวเพื่อยกกระชับผิวบริเวณร่องแก้ม ช่วยให้ร่องดูตื้นขึ้น พร้อมกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน เหมาะกับผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อยร่วมด้วย
ฟิลเลอร์ลดร่องแก้ม
ฟิลเลอร์ลดร่องแก้ม คือ การฉีดสารเติมเต็ม (Hyaluronic Acid) เข้าไปในร่องแก้มโดยตรง เพื่อเติมให้ร่องดูตื้นขึ้นทันที เหมาะกับผู้ที่มีร่องลึกแต่โครงสร้างผิวยังแน่นดี
ร้อยไหมลดร่องแก้มกับโบท็อกซ์ต่างกันอย่างไร
ร้อยไหมลดร่องแก้ม
ใช้เส้นไหมละลายร้อยเข้าใต้ผิว เพื่อยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อยบริเวณร่องแก้ม และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน เหมาะกับผู้ที่มีร่องแก้มจากความหย่อนของเนื้อผิว
โบท็อกซ์ลดร่องแก้ม
ใช้สาร Botulinum Toxin ฉีดเข้าไปเพื่อลดการทำงานของกล้ามเนื้อ ลดริ้วรอยที่เกิดจากการแสดงสีหน้า เช่น ยิ้มหรือหัวเราะ เหมาะกับร่องที่เกิดจากกล้ามเนื้อไม่สมดุลหรือขยับมากเกินไป
อ่านข้อมูลเพิ่มเติม ฉีดโบลดร่องแก้ม คืออะไร ฉีดกี่ยูนิต กี่วันถึงเห็นผล
สรุปทุกเรื่องเกี่ยวกับการร้อยไหมลดร่องแก้ม
การร้อยไหมลดร่องแก้มช่วยยกกระชับร่องแก้มให้ดูอิ่มฟู สดใส แต่ต้องทำกับคลินิกที่ได้รับมาตรฐาน แพทย์เป็นคนทำ เพื่อไม่ให้ร่างกายของเราได้รับผลกระทบในระยะยาว ช่วยให้เรามีบุคลิกภาพที่มั่นใจมากกว่าเดิม
Q and A ของการร้อยไหมลดร่องแก้ม
Q1 การร้อยไหมลดร่องแก้มเจ็บไหม ?
A ขณะทำอาจรู้สึกตึงหรือเจ็บเล็กน้อย แต่โดยทั่วไปแพทย์จะทายาชาหรือฉีดยาชาก่อนเริ่มหัตถการ จึงช่วยลดความรู้สึกไม่สบายได้ดี ส่วนใหญ่อาการเจ็บจะอยู่ในระดับที่สามารถทนได้ และหลังทำไม่จำเป็นต้องพักฟื้นนาน
Q2 ผลลัพธ์อยู่ได้นานแค่ไหน ?
A ผลของการร้อยไหมจะอยู่ได้นานประมาณ 6-18 เดือน ขึ้นอยู่กับชนิดของไหม สภาพผิว และการดูแลหลังทำ แม้เส้นไหมจะค่อย ๆ ละลายไป แต่คอลลาเจนที่ถูกกระตุ้นจะช่วยให้ผิวดูแน่นและกระชับขึ้นในระยะยาว
Q3 ต้องร้อยไหมซ้ำไหม ? ถ้าไม่ทำซ้ำหน้าจะห้อยหรือเปล่า ?
A การร้อยไหมลดร่องแก้มไม่จำเป็นต้องทำซ้ำตลอดเวลา หากยังไม่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยเพิ่มเติม และหากไม่ทำซ้ำ ผิวจะค่อย ๆ กลับสู่สภาพเดิมตามปกติ ไม่ทำให้หน้าหย่อนหรือห้อยมากกว่าเดิม ทั้งนี้ ควรให้แพทย์ประเมินเป็นระยะว่าควรทำซ้ำเมื่อใด
* เงื่อนไขตามบริษัทฯ กำหนด
แนะนำให้สอบถามกับเจ้าหน้าที่ก่อนเข้ารับบริการ
เพื่อความชัวร์และได้สิทธิ์ที่คุ้มที่สุดค่ะ