โปรแกรมเลเซอร์สิว คืออะไร รักษาสิวแต่ละประเภทแตกต่างกันอย่างไร
เลเซอร์สิว
เลเซอร์สิวดีจริงไหม มีแบบไหนบ้างต้องทำกี่ครั้งถึงเห็นผลลัพธ์ชัดเจน
เลเซอร์สิวเป็นอีกหนึ่งวิธีรักษาสิวที่เห็นผลลัพธ์ชัดเจน มีประสิทธิภาพสูง ไม่ทำให้เกิดรอยสิวบนใบหน้าของเรา และไม่ทำลายผิวรอบข้างให้เกิดการระคายเคือง
บทความนี้จะมาอธิบายเกี่ยวกับหัตถการเลเซอร์สิว ว่าสามารถเลเซอร์สิวประเภทไหนได้บ้าง ก่อนเลเซอร์สิวต้องเตรียมตัวอย่างไร และต้องทำกี่ครั้งถึงจะเห็นผลลัพธ์ชัดเจน
รวมทุกหัวข้อเกี่ยวกับหัตถการเลเซอร์สิว
- สิวคืออะไร มีสาเหตุมาจากอะไร
- เลเซอร์สิวคืออะไรมีหลักการทำงานอย่างไร
- เลเซอร์สิวเหมาะกับสิวประเภทไหนบ้าง
- เครื่องเลเซอร์สิวมีทั้งหมดกี่แบบ
- ข้อดีของการเลเซอร์สิว
- ข้อควรระวังของการเลเซอร์สิว
- เลเซอร์สิวเหมาะกับใครบ้าง
- ใครไม่เหมาะกับการทำเลเซอร์สิว
- การเตรียมตัวก่อนเลเซอร์สิว
- การดูแลตัวเองหลังเลเซอร์สิว
- ผลลัพธ์หลังเลเซอร์สิว
- ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้หลังเลเซอร์สิว
- สรุปทุกเรื่องเกี่ยวกับการเลเซอร์สิว
สิวคืออะไร มีสาเหตุมาจากอะไร
ก่อนที่เราจะไปทำความเข้าใจในเรื่องของการเลเซอร์สิว เรามาทำความใจในเรื่องของสิวกันก่อน
สิว เป็นหนึ่งในปัญหาผิวที่พบได้บ่อยที่สุด ไม่ว่าจะในวัยรุ่นหรือวัยผู้ใหญ่ หลายคนมักเข้าใจว่าสิวเกิดจากความสกปรกเพียงอย่างเดียว แต่ในความจริงแล้ว สิวเป็นผลมาจากความไม่สมดุลของกระบวนการภายในผิวหนัง ทั้งการทำงานของต่อมไขมัน รูขุมขน และฮอร์โมน
สิวคืออะไร
สิว (Acne) คือภาวะผิวหนังอักเสบที่เกิดจากการอุดตันของรูขุมขน โดยภายในรูขุมขนจะมีต่อมไขมันทำหน้าที่ผลิตน้ำมัน (Sebum) เพื่อรักษาความชุ่มชื้นให้ผิว แต่เมื่อมีการผลิตน้ำมันมากเกินไป หรือมีการสะสมของเซลล์ผิวที่ตายแล้ว สิ่งเหล่านี้จะอุดตันรูขุมขน ทำให้แบคทีเรียที่อาศัยอยู่ตามผิวหนังเจริญเติบโตและก่อให้เกิดการอักเสบ จนกลายเป็นสิวในรูปแบบต่าง ๆ เช่น สิวอุดตัน สิวอักเสบ หรือสิวหัวหนอง
สาเหตุของการเกิดสิว
1.การผลิตน้ำมันมากเกินไป
ต่อมไขมันทำงานมากกว่าปกติ โดยเฉพาะในช่วงวัยรุ่นหรือช่วงที่ฮอร์โมนเปลี่ยนแปลง ทำให้เกิดการสะสมของน้ำมันและเกิดการอุดตันง่าย
2.การสะสมของเซลล์ผิวที่ตายแล้ว
หากผิวไม่ผลัดเซลล์อย่างเป็นธรรมชาติ เซลล์ที่ตายแล้วจะสะสมอยู่บนผิว ทำให้รูขุมขนปิดและกลายเป็นจุดเริ่มต้นของสิว
3.การเจริญเติบโตของแบคทีเรียในรูขุมขน
แบคทีเรียชนิด Cutibacterium acnes อาศัยอยู่ตามผิวตามปกติ แต่เมื่อรูขุมขนถูกปิดกั้น แบคทีเรียนี้จะเพิ่มจำนวนและกระตุ้นให้เกิดการอักเสบ
4.การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน
ระดับฮอร์โมนที่เปลี่ยนไป เช่น ในช่วงวัยรุ่น รอบเดือน หรือความเครียด ส่งผลให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันมากขึ้น
5.พฤติกรรมการดูแลผิวและสิ่งแวดล้อม
เช่น การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำมัน การล้างหน้าบ่อยเกินไป การนอนดึก หรือการรับประทานอาหารที่มีน้ำตาลและไขมันสูง
สิวไม่ได้เกิดจากความสกปรกเพียงอย่างเดียว แต่เป็นผลจากหลายปัจจัยที่ส่งผลต่อกัน ทั้งภายในและภายนอกร่างกาย การเข้าใจสาเหตุที่แท้จริงจะช่วยให้สามารถดูแลผิวได้อย่างถูกวิธี และป้องกันการเกิดสิวซ้ำได้แบบไม่เป็นอันตราย อาทิเช่น การเลเซอร์สิว ทายาแต้มสิว ไม่บีบ หรือแกะสิวเอง
เลเซอร์สิวคืออะไรมีหลักการทำงานอย่างไร
เลเซอร์สิว คือหนึ่งในวิธีดูแลและรักษาปัญหาสิวที่ได้รับความนิยม โดยการเลเซอร์สิวจะใช้พลังงานแสงเลเซอร์เข้าไปช่วยจัดการกับต้นเหตุของสิวอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งเชื้อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดการอักเสบและการอุดตันในรูขุมขน เพื่อช่วยลดสิว ควบคุมความมัน และฟื้นฟูสภาพผิวให้เรียบเนียนขึ้น
เลเซอร์สิวคืออะไร
เลเซอร์สิวเป็นหัตถการที่ใช้แสงเลเซอร์ยิงเข้าสู่ผิวในระดับที่เหมาะสม เพื่อทำลายเชื้อแบคทีเรีย Cutibacterium acnes (หรือที่รู้จักกันในชื่อ P.acnes) ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญของการเกิดสิว นอกจากนี้ยังช่วยลดการทำงานของต่อมไขมันใต้ผิวหนัง ทำให้การผลิตน้ำมันลดลง และช่วยให้สิ่งอุดตันในรูขุมขนหลุดออกได้ง่ายขึ้น
เลเซอร์สิวแต่ละชนิดจะถูกเลือกให้เหมาะกับสภาพผิวและปัญหาของแต่ละคน โดยแพทย์จะเป็นผู้ประเมินและปรับระดับพลังงานให้เหมาะสม เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ไม่เป็นอันตรายต่อผิวและเห็นผลจริง
หลักการทำงานของเลเซอร์สิว
แสงเลเซอร์สิวจะส่งพลังงานในช่วงความยาวคลื่นเฉพาะเข้าไปยังชั้นผิวที่ต้องการรักษา
• เลเซอร์สิว ช่วยลดจำนวนแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดสิว
• เลเซอร์สิว กระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวตามกระบวนการทำงานของร่างกาย
• เลเซอร์สิว ลดการทำงานของต่อมไขมัน
• เลเซอร์สิว กระตุ้นให้ผิวสร้างคอลลาเจนใหม่ เพื่อฟื้นฟูรอยแผลและรอยสิว
เลเซอร์สิวเหมาะกับสิวประเภทไหนบ้าง
เลเซอร์สิวเป็นหัตถการที่สามารถช่วยลดสิวและรอยสิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ไม่ได้หมายความว่า ทุกคนหรือสิวทุกประเภทจะเหมาะกับการทำเลเซอร์สิวเหมือนกันทั้งหมด การเลือกใช้เลเซอร์สิวควรอยู่ภายใต้การประเมินของแพทย์ผิวหนัง เพื่อให้เหมาะกับชนิดของสิวและสภาพผิวของแต่ละบุคคลมากที่สุด
เลเซอร์สิวเหมาะกับสิวประเภทใดบ้าง
1.สิวอุดตัน (Comedonal Acne)
สิวอุดตันเกิดจากการที่รูขุมขนถูกปิดกั้นด้วยน้ำมันส่วนเกินและเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ทำให้เกิดเป็นสิวหัวดำหรือสิวหัวขาว เลเซอร์สิวสามารถช่วยลดการอุดตันได้ โดยทำให้ไขมันและสิ่งสกปรกที่ค้างอยู่ในรูขุมขนหลุดออกง่ายขึ้น อีกทั้งเลเซอร์สิวยังช่วยควบคุมการผลิตน้ำมันใต้ผิว จึงช่วยลดโอกาสการเกิดสิวใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สิวอุดตัน คืออะไร สาเหตุและวิธีรักษาการอุดตันของรูขุมขน
เหมาะกับเลเซอร์สิวประเภท CO₂ Laser, Dual Yellow Laser, หรือ Omnilux
2.สิวอักเสบ (Inflammatory Acne)
สิวอักเสบมักมีลักษณะเป็นตุ่มแดงหรือตุ่มหนอง เกิดจากการติดเชื้อ Cutibacterium acnes ภายในรูขุมขน
การทำเลเซอร์สิวสามารถช่วยลดการอักเสบโดยตรง ด้วยพลังงานแสงที่เข้าไปฆ่าเชื้อแบคทีเรีย และกระตุ้นให้ผิวฟื้นตัวได้เร็วขึ้น อีกทั้งยังช่วยลดรอยแดงหลังการเกิดสิวได้ในเวลาต่อมา
สิวอักเสบ คืออะไร เกิดจากสาเหตุอะไร รักษาก่อนเป็นหลุมสิวที่หายยาก
เหมาะกับเลเซอร์สิวประเภท Dual Yellow, V-Beam, หรือ Omnilux Light Therapy
3.รอยแดงหลังสิว (Post-Inflammatory Erythema)
หลังจากสิวอักเสบยุบตัว มักทิ้งรอยแดงไว้บนผิว ซึ่งเกิดจากเส้นเลือดฝอยใต้ผิวขยายตัว
เลเซอร์สิวสามารถช่วยลดรอยแดงเหล่านี้ได้โดยตรง โดยพลังงานของเลเซอร์สิวจะทำให้เส้นเลือดฝอยที่ขยายตัวหดลง ส่งผลให้รอยแดงค่อย ๆ จางลง สีผิวดูสม่ำเสมอมากขึ้น
เหมาะกับเลเซอร์สิวประเภท V-Beam Laser หรือ Dual Yellow Laser
4.รอยดำหลังสิว (Post-Inflammatory Hyperpigmentation)
รอยดำมักเกิดจากการที่เม็ดสีเมลานินทำงานมากเกินไปหลังการอักเสบของสิว เลเซอร์สิวจะเข้าไปทำลายเม็ดสีที่สะสมอยู่ในชั้นผิว ทำให้รอยดำค่อย ๆ จางลง และผิวดูกระจ่างใสขึ้น
เหมาะกับเลเซอร์สิวประเภท Q-Switched Nd:YAG หรือ Pico Laser
5.หลุมสิวและแผลเป็นจากสิว (Acne Scars)
หลุมสิวเกิดจากการที่ผิวหนังสูญเสียคอลลาเจนหลังการอักเสบของสิวอย่างรุนแรง การทำเลเซอร์สิวในกลุ่มที่กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนจะช่วยฟื้นฟูให้ผิวเรียบเนียนขึ้น
12 วิธีรักษารอยแผลเป็นจากสิว ให้ผิวกลับมาเรียบเนียน
เหมาะกับเลเซอร์สิวประเภท Fractional Laser หรือ Pico Laser
เลเซอร์สิวสามารถช่วยจัดการได้ตั้งแต่สิวอุดตัน สิวอักเสบ ไปจนถึงรอยสิวและหลุมสิว แต่การเลือกชนิดของเลเซอร์สิวต้องผ่านการวินิจฉัยโดยแพทย์ผิวหนัง เพื่อให้เหมาะกับลักษณะของสิวและสภาพผิวแต่ละบุคคล การรักษาอย่างถูกวิธีและไม่เป็นอันตรายต่อผิวจะช่วยให้เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนและลดความเสี่ยงจากการระคายเคืองหรือรอยแผลหลังทำเลเซอร์สิว
เครื่องเลเซอร์สิวมีทั้งหมดกี่แบบ
การรักษาสิวด้วยการเลเซอร์สิวถือเป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน เพราะการใช้เลเซอร์สิวสามารถช่วยลดสิว รอยสิว และปรับสภาพผิวให้เรียบเนียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ต้องพักฟื้นนาน
ปัจจุบัน “เลเซอร์สิว” มีหลายประเภท แต่ละชนิดก็มีคุณสมบัติ กลไกการทำงาน และผลลัพธ์ที่แตกต่างกันออกไป การเลือกใช้เลเซอร์สิวจึงควรอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ผิวหนัง เพื่อให้เหมาะกับสภาพผิวและปัญหาของแต่ละบุคคล
1.CO₂ Laser (เลเซอร์คาร์บอนไดออกไซด์)
CO₂ Laser เป็นเลเซอร์สิวที่ใช้ลำแสงอินฟราเรดความยาวคลื่น 10,600 นาโนเมตร โดยสามารถทำลายเนื้อเยื่อส่วนเกินหรือเปิดหัวสิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ทำลายผิวบริเวณข้างเคียงหรือทำให้เลือดออก
Fractional CO2 Laser คืออะไร รักษาหลุมสิวกี่ครั้งเห็นผล
จุดเด่นของเลเซอร์สิว CO₂ Laser
- เลเซอร์สิว CO₂ Laser ช่วยเปิดหัวสิวอุดตัน และทำให้สิวยุบเร็วขึ้น
- เลเซอร์สิว CO₂ Laser ลดการอุดตันของรูขุมขนและควบคุมความมันใต้ผิว
- เลเซอร์สิว CO₂ Laser กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ช่วยให้หลุมสิวดูตื้นขึ้น
- เลเซอร์สิว CO₂ Laser ปรับสภาพผิวให้เรียบเนียนและกระชับรูขุมขน
เลเซอร์สิว CO₂ Laser เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีสิวอุดตันเรื้อรัง สิวอักเสบ หรือหลุมสิวที่รักษาด้วยยาแล้วยังไม่ดีขึ้น
2.Pico Laser (Picosecond Laser)
Pico Laser เลเซอร์สิว ที่เป็นเทคโนโลยีเลเซอร์รุ่นใหม่ที่ปล่อยพลังงานในระดับ “พิโควินาที” ซึ่งมีความเร็วสูงมาก ทำให้สามารถสลายเม็ดสีในชั้นผิว อย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่ทำลายเนื้อเยื่อรอบข้าง
Pico Laser คืออะไร มีกี่แบบ ควรเลือก Pico แบบไหนดี
จุดเด่นของเลเซอร์สิว Pico Laser
- เลเซอร์สิว Pico Laser รักษารอยสิว จุดด่างดำ และรอยดำหลังสิวให้จางลง
- เลเซอร์สิว Pico Laser ช่วยฟื้นฟูหลุมสิวให้ดูเรียบเนียนขึ้น
- เลเซอร์สิว Pico Laser ลดฝ้า กระ และความไม่สม่ำเสมอของสีผิว
- เลเซอร์สิว Pico Laser กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ช่วยให้ผิวกระชับและเรียบเนียน
- เลเซอร์สิว Pico Laser ใช้เวลาพักฟื้นสั้น ผิวไม่ลอกหรือไหม้หลังทำ
เลเซอร์สิว Pico Laser เหมาะสำหรับ ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวให้ดูเรียบใส พร้อมลดรอยสิวและหลุมสิวโดยไม่ต้องพักฟื้นนาน
3.V-Beam Laser (เลเซอร์รักษารอยแดงและเส้นเลือดฝอย)
V-Beam Laser เป็นเลเซอร์สิวชนิดพิเศษที่มีความยาวคลื่น 595 นาโนเมตร ทำงานโดยตรงกับเส้นเลือดใต้ผิว จึงช่วยลดรอยแดงจากสิวหรือรอยแดงหลังการอักเสบได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Vbeam Laser คืออะไร ช่วยลดรอยสิวได้จริงหรือไม่ ทำกี่ครั้งเห็นผล
จุดเด่นของเลเซอร์สิว V-Beam Laser
- เลเซอร์สิว V-Beam Laser ลดรอยแดงจากสิวและรอยแผลเป็นหลังสิว
- เลเซอร์สิว V-Beam Laser ช่วยให้เส้นเลือดฝอยที่ขยายตัวหดลง สีผิวดูสม่ำเสมอ
- เลเซอร์สิว V-Beam Laser กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้ผิวดูเรียบเนียน
- เลเซอร์สิว V-Beam Laser ไม่ทำลายผิวชั้นนอก และไม่ต้องพักฟื้นนาน
เลเซอร์สิว V-Beam Laser เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีรอยแดงจากสิว หรือสิวอักเสบที่ต้องการฟื้นฟูผิวให้เรียบและสีผิวดูสม่ำเสมอ
4.Omnilux (แสงบำบัด LED Light Therapy)
Omnilux เลเซอร์สิวที่เป็นเทคโนโลยีการบำบัดด้วยแสง (Light Therapy) ที่ใช้พลังงานจากแสงอินฟราเรดในช่วงคลื่นที่เหมาะสม เพื่อช่วยลดการอักเสบของสิวและฟื้นฟูผิวโดยไม่ก่อให้เกิดความร้อนสูง
จุดเด่นของเลเซอร์สิว Omnilux
- เลเซอร์สิว Omnilux ลดการอักเสบของสิวและรอยแดงรอยดำหลังสิว
- เลเซอร์สิว Omnilux ฟื้นฟูผิวให้แข็งแรงขึ้นโดยไม่ระคายเคือง
- เลเซอร์สิว Omnilux ไม่ต้องพักฟื้นหลังทำ
เลเซอร์สิว Omnilux เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีสิวอักเสบ สิวผด หรือสิวเรื้อรังที่ต้องการการรักษาแบบอ่อนโยน
ข้อดีของการเลเซอร์สิว
การรักษาสิวด้วยเลเซอร์สิว ถือเป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ช่วยจัดการปัญหาสิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ต้องพึ่งการใช้ยาหรือสารเคมี ซึ่งเหมาะกับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวให้ดีขึ้นแบบไม่ทำร้ายผิวและเห็นผลชัดเจน การทำเลเซอร์สิวมีข้อดีหลายประการที่แตกต่างจากการรักษาสิวด้วยวิธีทั่วไป ดังนี้
1.ลดการอักเสบและกำจัดเชื้อแบคทีเรียต้นเหตุของสิว
แสงเลเซอร์สิวสามารถส่งพลังงานลงสู่ผิวในระดับความลึกที่เหมาะสม เพื่อทำลายเชื้อแบคทีเรีย Cutibacterium acnes (หรือ P.acnes) ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของสิวอักเสบ การกำจัดเชื้อแบคทีเรียนี้ช่วยให้สิวแห้งเร็ว ลดการอักเสบ และป้องกันไม่ให้สิวลุกลามไปยังบริเวณอื่นของใบหน้า
2.ช่วยรักษาได้ทั้งสิวอุดตันและสิวอักเสบ
เลเซอร์สิวสามารถทำงานได้ครอบคลุมทั้งสิวอุดตัน สิวหัวขาว สิวหัวดำ และสิวอักเสบ โดยช่วยเปิดรูขุมขนที่อุดตัน ลดการสะสมของน้ำมันและเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ทำให้สิวที่เป็นอยู่ค่อย ๆ ยุบลง พร้อมลดการเกิดสิวใหม่ในอนาคต
3.เลเซอร์สิวเป็นหัตถการที่ไม่ต้องใช้ยา หรือสารเคมีรุนแรง
การทำเลเซอร์สิวเป็นวิธีที่ไม่ต้องพึ่งการใช้ยาทานหรือยาทาที่อาจมีผลข้างเคียงต่อร่างกาย เช่น การแพ้ยา หรือการระคายเคืองผิว เหมาะกับผู้ที่ต้องการหลีกเลี่ยงสารเคมีหรือผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย
4.เลเซอร์สิวช่วยลดความมันบนใบหน้า
พลังงานจากเลเซอร์สิวจะช่วยยับยั้งการทำงานของต่อมไขมันใต้ผิวหนัง ทำให้การผลิตน้ำมันลดลง ผิวมันน้อยลง ซึ่งช่วยลดโอกาสการเกิดสิวซ้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ
5.เลเซอร์สิวช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ฟื้นฟูผิวให้เรียบเนียน
นอกจากช่วยรักษาสิวแล้ว เลเซอร์สิวยังมีคุณสมบัติในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ใต้ผิว ส่งผลให้หลุมสิวดูตื้นขึ้น ผิวเรียบเนียนและกระชับมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยปรับสีผิวให้ดูสม่ำเสมอ
6.เลเซอร์สิวรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ทำร้ายผิวรอบข้าง
แสงเลเซอร์สามารถยิงลงในตำแหน่งที่มีปัญหาได้แบบเฉพาะ โดยไม่ทำลายเนื้อเยื่อหรือผิวบริเวณรอบข้าง ทำให้ผลลัพธ์ชัดเจนและลดความเสี่ยงในการเกิดรอยแดงหรือรอยแผลหลังทำ
ข้อควรระวังของการเลเซอร์สิว
แม้ว่า “เลเซอร์สิว” จะเป็นหัตถการทางการแพทย์ที่ให้ผลลัพธ์ดีและไม่เป็นอันตราย เมื่ออยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ แต่การเลเซอร์สิวก็ยังมีข้อควรระวังที่ผู้เข้ารับบริการควรรู้และเตรียมตัวให้พร้อมก่อนตัดสินใจ เพื่อให้การรักษาเห็นผลสูงสุดและลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับผิว
1.ควรอยู่ภายใต้การประเมินและทำโดยแพทย์ผิวหนังเท่านั้น
การทำเลเซอร์สิวต้องใช้เครื่องมือที่มีพลังงานแสงเฉพาะและต้องปรับระดับพลังงานให้เหมาะกับสภาพผิวของแต่ละคน หากทำโดยผู้ที่ไม่มีความเชี่ยวชาญ อาจทำให้ผิวไหม้ ระคายเคือง หรือเกิดรอยดำรอยแดงตามมาได้ ดังนั้น ควรเลือกสถานพยาบาลที่มีแพทย์ผิวหนังดูแลโดยตรงและใช้เครื่องเลเซอร์สิวที่ได้มาตรฐาน
2.ไม่ควรทำเลเซอร์สิวในช่วงที่ผิวอักเสบรุนแรงหรือเป็นแผลเปิด
หากผิวยังมีสิวอักเสบขนาดใหญ่หรือบวมแดงมาก ควรรักษาให้สิวลดการอักเสบลงก่อน เพราะการยิงเลเซอร์สิวบนบริเวณที่เป็นแผลเปิดอาจทำให้ผิวระคายเคืองมากขึ้น และเสี่ยงต่อการเกิดรอยแผลหรือรอยดำหลังการรักษา
3.ระมัดระวังเรื่องการโดนแสงแดดก่อนและหลังทำเลเซอร์สิว
ผิวที่เพิ่งผ่านการทำเลเซอร์สิวจะมีความไวต่อแสงมากกว่าปกติ การโดนแสงแดดโดยตรงอาจกระตุ้นให้เกิดรอยดำหรือการอักเสบของผิวได้ ควรหลีกเลี่ยงการออกแดดจัด และใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไปเป็นประจำหลังทำเลเซอร์สิวทุกครั้ง
4.ห้ามแกะ เกา หรือขัดผิวบริเวณที่ทำเลเซอร์สิว
หลังทำเลเซอร์สิว ผิวอาจมีอาการแห้ง แดง หรือรู้สึกตึงเล็กน้อย ซึ่งเป็นปฏิกิริยาปกติของผิวที่อยู่ในช่วงฟื้นฟู การแกะหรือเกาผิวอาจทำให้เกิดการติดเชื้อหรือทิ้งรอยแผลเป็นได้ ควรปล่อยให้ผิวฟื้นตัวเองตามกระบวนการทำงานของร่างกาย
5.หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกรด หรือเรตินอลในช่วงแรก
ภายหลังการทำเลเซอร์สิว ควรหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงที่มีส่วนผสมของกรดผลไม้ (AHA, BHA) หรือเรตินอลอย่างน้อย 5-7 วัน เนื่องจากสารเหล่านี้อาจทำให้ผิวที่ยังบอบบางเกิดการระคายเคืองหรือแดงลอกได้
6.ควรให้เวลาผิวฟื้นตัวตามคำแนะนำของแพทย์
หลังทำเลเซอร์สิวควรพักผิวและดูแลให้ชุ่มชื้นอยู่เสมอ โดยแพทย์อาจให้ครีมบำรุงหรือยาลดการอักเสบมาใช้ร่วมด้วย เพื่อช่วยให้ผิวฟื้นตัวเร็วและลดโอกาสการเกิดรอยหลังการรักษา
7.ผลลัพธ์ของการรักษาอาจแตกต่างกันในแต่ละบุคคล
การตอบสนองของผิวต่อเลเซอร์สิวขึ้นอยู่กับสภาพผิว ประเภทของสิว และการดูแลหลังทำ ดังนั้น ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด และเข้ารับการรักษาอย่างต่อเนื่องตามกำหนด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
เลเซอร์สิวเหมาะกับใครบ้าง
เลเซอร์สิวเป็นหัตถการทางการแพทย์ที่ออกแบบมาเพื่อจัดการปัญหาสิวอย่างเหมาะสม ทั้งสิวอุดตัน สิวอักเสบ และรอยสิวต่าง ๆ โดยไม่ต้องพึ่งการใช้ยาหรือสารเคมีรุนแรง
การทำเลเซอร์สิวควรอยู่ภายใต้การประเมินของแพทย์ผิวหนัง เพื่อเลือกวิธีและเครื่องเลเซอร์สิวที่เหมาะกับปัญหาของแต่ละบุคคลมากที่สุด
1.ผู้ที่มีสิวเรื้อรัง รักษาด้วยยาแล้วไม่ดีขึ้น
สำหรับผู้ที่มีสิวอุดตันหรือสิวอักเสบที่รักษาด้วยยาทา ยารับประทาน หรือการทำทรีตเมนต์ทั่วไปแล้วไม่ได้ผล เลเซอร์สิวจะช่วยลดการอุดตันและลดการอักเสบได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเข้าไปทำลายเชื้อแบคทีเรียต้นเหตุของสิว พร้อมควบคุมการทำงานของต่อมไขมันใต้ผิว
2.ผู้ที่มีรอยแดง รอยดำ หรือหลุมสิวหลังสิวหาย
เลเซอร์สิวช่วยฟื้นฟูผิวในระดับลึก โดยกระตุ้นให้ผิวสร้างคอลลาเจนใหม่ ทำให้รอยแดง รอยดำจางลง และหลุมสิวค่อย ๆ ตื้นขึ้น เหมาะกับผู้ที่ต้องการให้ผิวเรียบเนียน สีผิวสม่ำเสมอมากขึ้น
3.ผู้ที่ต้องการลดความมันและควบคุมการเกิดสิวใหม่
พลังงานจากเลเซอร์สิวช่วยลดการทำงานของต่อมไขมันใต้ผิวหนัง ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของสิวอุดตันและสิวอักเสบ เมื่อการผลิตน้ำมันลดลง ผิวจะมันน้อยลง และมีโอกาสเกิดสิวซ้ำลดลงอย่างเห็นได้ชัด
4.ผู้ที่มีผิวแพ้ง่ายและไม่ต้องการใช้สารเคมี
เลเซอร์สิวเป็นวิธีที่ไม่ต้องพึ่งยาหรือสารเคมีแรง ๆ จึงเหมาะกับผู้ที่มีผิวบอบบางหรือแพ้ง่าย และต้องการฟื้นฟูผิวให้ดีขึ้นโดยไม่เกิดการระคายเคือง
5.ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่เห็นการเปลี่ยนแปลงแบบชัดเจน
เลเซอร์สิวเป็นหัตถการที่ไม่ต้องพักฟื้นนาน หลังทำสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ เหมาะกับคนที่มีเวลาน้อย หรือไม่สะดวกเข้ารับการรักษาบ่อย ๆ แต่ต้องการให้ผิวดีขึ้นแบบชัดเจน
6.ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวให้เรียบเนียนและกระจ่างใส
นอกจากรักษาสิว เลเซอร์สิวยังช่วยปรับสภาพผิวโดยรวมให้เรียบเนียน กระจ่างใส และดูสุขภาพดีขึ้น เหมาะกับผู้ที่ต้องการดูแลผิวในเชิงป้องกันและฟื้นฟูไปพร้อมกัน
ใครไม่เหมาะกับการทำเลเซอร์สิว
แม้การเลเซอร์สิวจะเป็นหัตถการที่ไม่อันตรายและให้ผลลัพธ์ที่ดีในการลดสิวและฟื้นฟูผิว แต่ก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะเหมาะกับการรักษาด้วยวิธีนี้เสมอไป เพราะผิวแต่ละคนมีความแตกต่างกัน ทั้งเรื่องสภาพผิว สุขภาพผิวในขณะนั้น รวมถึงโรคประจำตัวหรือยาที่ใช้อยู่ ดังนั้น ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังก่อนตัดสินใจทำเลเซอร์สิว ทุกครั้ง
1.ผู้ที่มีผิวอักเสบหรือเป็นแผลเปิดในบริเวณที่จะทำเลเซอร์สิว
หากผิวยังมีสิวอักเสบขนาดใหญ่ เป็นหนอง หรือมีบาดแผลเปิด ควรรอให้ผิวหายดีเสียก่อน เพราะการยิงเลเซอร์ลงบนบริเวณที่ผิวอักเสบอาจทำให้แผลระคายเคืองมากขึ้น เสี่ยงต่อการติดเชื้อ และอาจทิ้งรอยดำหรือรอยแผลเป็นถาวร
2.ผู้ที่มีปัญหาผิวแพ้ง่ายหรือเป็นโรคผิวหนังบางชนิด
ผู้ที่มีภาวะผิวแพ้ง่าย มีผื่นผิวหนังอักเสบ (Eczema) หรือโรคสะเก็ดเงิน (Psoriasis) ควรหลีกเลี่ยงการทำเลเซอร์ในช่วงที่ผิวกำลังอักเสบ เพราะแสงเลเซอร์สิวอาจกระตุ้นให้ผิวระคายเคืองมากขึ้น และทำให้ผื่นลุกลามได้
3.ผู้ที่มีประวัติเป็นรอยดำหรือรอยแผลเป็นง่ายหลังเกิดบาดแผล (Hyperpigmentation / Keloid)
หากเป็นคนที่มีแนวโน้มเกิดรอยดำหรือรอยนูนหลังจากบาดแผล ควรปรึกษาแพทย์ก่อน เนื่องจากเลเซอร์อาจกระตุ้นให้เกิดรอยดำหรือรอยนูนได้ง่ายกว่าคนทั่วไป แพทย์จะต้องเลือกพลังงานและเทคนิคที่เหมาะสมเป็นพิเศษ
4.หญิงตั้งครรภ์หรืออยู่ระหว่างให้นมบุตร
แม้ยังไม่มีข้อมูลยืนยันแน่ชัดว่าเลเซอร์สิวมีผลต่อทารกหรือไม่ แต่โดยหลักการแพทย์มักแนะนำให้หลีกเลี่ยงการทำเลเซอร์สิว ในช่วงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร เพื่อความปลอดภัยสูงสุด และป้องกันการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนที่อาจทำให้ผิวไวต่อแสงมากขึ้น
5.ผู้ที่รับประทานยาบางชนิดที่มีผลต่อผิว
ยากลุ่มเรตินอยด์ (Retinoid) หรือยาลดสิวบางประเภท เช่น Isotretinoin อาจทำให้ผิวบางและไวต่อแสงมาก การทำเลเซอร์ในช่วงที่ใช้ยาดังกล่าวอาจทำให้ผิวไหม้หรือเกิดรอยแดงถาวรได้ ควรหยุดยาอย่างน้อย 4-6 เดือนก่อนเข้ารับการรักษา ตามคำแนะนำของแพทย์
6.ผู้ที่มีประวัติโรคเริมบริเวณใบหน้า (Herpes Simplex)
เลเซอร์สิวอาจกระตุ้นให้เชื้อเริมที่แฝงอยู่ใต้ผิวหนังกลับมาแสดงอาการได้อีกครั้ง หากมีประวัติโรคเริม ควรแจ้งแพทย์ล่วงหน้า เพื่อให้ยาป้องกันก่อนเข้ารับการทำเลเซอร์
7.ผู้ที่เพิ่งผ่านการทำหัตถการหรือขัดผิวอย่างล้ำลึก
หากเพิ่งผ่านการผลัดเซลล์ผิว การทำไมโครเดอร์มาเบรชั่น หรือการใช้กรดผลไม้ (AHA, BHA) ในระดับสูง ควรรอให้ผิวฟื้นตัวอย่างน้อย 1-2 สัปดาห์ก่อน เพราะผิวที่ยังบอบบางอาจไหม้หรือระคายเคืองจากพลังงานเลเซอร์สิวได้ง่าย
การเตรียมตัวก่อนเลเซอร์สิว
การเตรียมผิวให้พร้อมก่อนทำเลเซอร์สิวเป็นขั้นตอนสำคัญที่จะช่วยให้การรักษาได้ผลดีและปลอดภัยมากขึ้น โดยควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ผิวหนังอย่างเคร่งครัด ดังนี้
1.ปรึกษาแพทย์ก่อนทำ
ควรเข้ารับการประเมินสภาพผิวกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อเลือกชนิดของเลเซอร์ที่เหมาะสมกับปัญหาสิวและสภาพผิวของแต่ละบุคคล ลดความเสี่ยงจากการระคายเคืองหรือผลข้างเคียง
2.หยุดใช้ยาหรือผลิตภัณฑ์ที่ทำให้ผิวบาง
หลีกเลี่ยงการใช้ยากลุ่มเรตินอยด์ หรือผลิตภัณฑ์ที่มีกรดผลไม้ (AHA, BHA) อย่างน้อย 1-2 สัปดาห์ก่อนทำเลเซอร์ เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวไวต่อแสงและเกิดการระคายเคือง
3.งดแต่งหน้าหรือทาครีมก่อนทำเลเซอร์สิว
ควรล้างหน้าให้สะอาดและไม่แต่งหน้าก่อนเข้ารับการรักษา เพื่อให้พลังงานเลเซอร์ส่งผ่านลงสู่ผิวได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและลดความเสี่ยงต่อการอุดตันหรือการระคายเคือง
4.หลีกเลี่ยงแสงแดดจัด
ก่อนทำเลเซอร์สิวควรหลีกเลี่ยงการโดนแดดเป็นเวลานาน เพราะแสง UV อาจทำให้ผิวไวต่อการรักษาได้ง่าย หากจำเป็นต้องออกกลางแจ้ง ควรทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 50 ขึ้นไปและสวมหมวกป้องกันแสงแดด
การดูแลตัวเองหลังเลเซอร์สิว
หลังทำเลเซอร์สิว ผิวจะอยู่ในช่วงฟื้นฟู จึงควรดูแลอย่างถูกวิธีเพื่อให้ผิวหายเร็ว ลดความระคายเคือง และได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดจากการรักษา
1.งดล้างหน้า 24 ชั่วโมงแรก
หลังทำเลเซอร์สิวควรงดล้างหน้าหรือโดนน้ำ เพื่อให้ผิวได้พักและฟื้นตัวจากการรับพลังงานเลเซอร์
2.หลีกเลี่ยงการขัดหรือสครับผิว
งดขัดผิวหรือใช้ผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิวประมาณ 2 สัปดาห์ เพราะอาจทำให้ผิวบอบบางและเกิดการระคายเคืองได้ง่าย
3.ทาครีมกันแดดเป็นประจำ
หลังเลเซอร์สิว ผิวจะไวต่อแสงมากขึ้น ควรทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไปทุกวัน แม้อยู่ในร่ม เพื่อลดโอกาสเกิดรอยดำหลังทำ
4.บำรุงผิวให้ชุ่มชื้นอยู่เสมอ
ใช้ครีมหรือมอยส์เจอไรเซอร์ที่อ่อนโยน เพื่อช่วยให้ผิวชุ่มชื้นและลดการลอกแห้ง หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีแอลกอฮอล์ น้ำหอม หรือซิลิโคนอุดตันผิว
5.หลีกเลี่ยงแสงแดดโดยตรง
ควรหลีกเลี่ยงการออกแดดจัดประมาณ 2 สัปดาห์หลังทำ และสวมหมวกหรือร่มเมื่อต้องออกกลางแจ้ง
6.ห้ามแกะ เกา หรือสัมผัสผิวบริเวณที่ทำเลเซอร์สิว
ควรปล่อยให้ผิวฟื้นฟูตามกระบวนการทำงานของร่างกาย การแกะหรือเกาอาจทำให้เกิดรอยดำหรือแผลเป็นได้
7.งดใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารผลัดเซลล์หรือเรตินอล
เช่น Hydroxy Acids (AHA/BHA), Benzoyl Peroxide และ Retinol เพราะอาจทำให้ผิวระคายเคืองในช่วงที่ยังบอบบาง
8.รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพผิว
ทานผัก ผลไม้ ดื่มน้ำให้เพียงพอ และพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อช่วยให้ผิวฟื้นตัวได้เร็วและแข็งแรงขึ้น
9.งดแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่
ควรงดอย่างน้อย 2 สัปดาห์หลังทำเลเซอร์สิว เพราะสารเหล่านี้อาจทำให้การไหลเวียนเลือดในผิวลดลง ส่งผลให้แผลหายช้ากว่าปกติ
ผลลัพธ์หลังเลเซอร์สิว
หลังการทำเลเซอร์สิว ผิวจะเริ่มเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูและปรับสมดุลใหม่ ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้จะขึ้นอยู่กับประเภทของเลเซอร์ที่ใช้ สภาพผิว และปัญหาสิวของแต่ละบุคคล โดยทั่วไปแล้ว หากทำอย่างต่อเนื่องและอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผิวหนัง จะสามารถเห็นความเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นได้อย่างชัดเจน
1.สิวอักเสบและสิวอุดตันลดลงอย่างเห็นได้ชัด
พลังงานเลเซอร์สิวจะเข้าไปทำลายเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของสิว และช่วยลดการทำงานของต่อมไขมัน ส่งผลให้สิวอักเสบ สิวหัวขาว และสิวหัวดำค่อย ๆ ยุบลง ผิวเรียบเนียนขึ้น
2.รอยแดงและรอยดำจากสิวจางลง
เลเซอร์สิวจะช่วยปรับเม็ดสีใต้ผิวและกระตุ้นให้ผิวผลัดเซลล์ใหม่ ทำให้รอยแดงและรอยดำที่เกิดจากสิวค่อย ๆ จางลง สีผิวดูสม่ำเสมอมากขึ้น
3.หลุมสิวดูตื้นขึ้น ผิวเรียบเนียนกว่าเดิม
เลเซอร์สิวบางประเภท เช่น Pico Laser หรือ Fractional Laser จะกระตุ้นให้ผิวสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่ ส่งผลให้หลุมสิวค่อย ๆ ตื้นขึ้น และผิวดูแน่น เรียบเนียนขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
4.ผิวหน้ามันลดลง รูขุมขนดูกระชับขึ้น
เมื่อเลเซอร์สิวเข้าไปควบคุมการทำงานของต่อมไขมันใต้ผิว ทำให้การผลิตน้ำมันลดลง ผิวจึงดูมันน้อยลง และรูขุมขนดูกระชับขึ้น
5.ผิวโดยรวมดูสุขภาพดีและสดใสขึ้น
หลังจากผ่านกระบวนการฟื้นฟู ผิวจะมีความชุ่มชื้น ดูเรียบเนียน และมีความกระจ่างใสขึ้น ทั้งยังช่วยให้การแต่งหน้าติดง่ายและผิวดูเรียบเนียนมากกว่าเดิม
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้หลังเลเซอร์สิว
1.ผิวหน้าแดงหรือรู้สึกอุ่นเล็กน้อย
หลังทำเลเซอร์สิว ผิวอาจมีอาการแดงหรือรู้สึกอุ่นคล้ายผิวถูกแดด เนื่องจากผิวได้รับพลังงานความร้อนจากเลเซอร์ อาการนี้มักจะค่อย ๆ ลดลงภายใน 1-3 ชั่วโมง หรือไม่เกิน 1 วัน
2.ผิวแห้งหรือลอกเล็กน้อย
ในบางราย ผิวอาจแห้งหรือลอกเป็นขุยหลังทำเลเซอร์สิว ซึ่งเป็นกระบวนการผลัดเซลล์ผิวตามกระบวนการของร่างกาย ควรบำรุงผิวให้ชุ่มชื้นอยู่เสมอ และหลีกเลี่ยงการขัดหรือแกะผิวบริเวณที่ลอก เพื่อป้องกันการระคายเคืองหรือทิ้งรอยดำ
3.มีจุดคล้ำหรือรอยแดงชั่วคราว
ในบางคน โดยเฉพาะผู้ที่มีผิวเข้ม หรือผิวไวต่อแสง อาจเกิดรอยแดงหรือตุ่มสีน้ำตาลอ่อนชั่วคราวหลังทำเลเซอร์ ซึ่งจะค่อย ๆ จางลงภายในไม่กี่วันถึง 1 สัปดาห์
4.อาการบวมเล็กน้อยบริเวณที่ทำเลเซอร์สิว
อาจเกิดขึ้นได้ในบางกรณี โดยเฉพาะเมื่อใช้เลเซอร์ชนิดพลังงานสูง เช่น CO₂ Laser หรือ Pico Laser แต่จะยุบลงภายใน 1-2 วัน และไม่เป็นอันตรายต่อผิว
5.ผิวไวต่อแสงแดดมากขึ้น
หลังทำเลเซอร์สิว ผิวจะบอบบางและไวต่อรังสี UV มากกว่าปกติ หากไม่ป้องกันผิวด้วยครีมกันแดดหรือหลีกเลี่ยงแสงแดด อาจทำให้เกิดรอยดำหลังทำได้ง่าย
6.ความเสี่ยงจากการติดเชื้อ (พบได้น้อยมาก)
ในกรณีที่ดูแลความสะอาดไม่ดีหลังทำเลเซอร์ หรือแกะเกาผิวบริเวณที่มีสะเก็ด อาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อแบคทีเรียได้ ซึ่งสามารถป้องกันได้ด้วยการทำความสะอาดอย่างถูกวิธีและหลีกเลี่ยงการสัมผัสผิวโดยไม่จำเป็น
7.รอยดำหรือรอยขาวถาวร (พบได้น้อยมาก)
หากใช้พลังงานเลเซอร์สิวไม่เหมาะสมกับสภาพผิว หรือทำโดยผู้ที่ไม่มีความชำนาญ อาจทำให้เกิดรอยดำหรือรอยขาวหลังทำเลเซอร์ได้ จึงควรทำโดยแพทย์ผิวหนังเท่านั้น เพื่อปรับระดับพลังงานให้เหมาะกับแต่ละสภาพผิว
สรุปทุกเรื่องเกี่ยวกับการเลเซอร์สิว
การเลเซอร์สิวเป็นหนึ่งในแนวทางการรักษาสิวสมัยใหม่ที่ได้รับความนิยม เพราะสามารถจัดการปัญหาสิวได้อย่างตรงจุด ตั้งแต่การลดเชื้อแบคทีเรีย P.acnes ที่เป็นต้นเหตุของสิว ไปจนถึงการลดความมันส่วนเกินและการอุดตันของรูขุมขน อีกทั้งยังช่วยฟื้นฟูผิวจากรอยแดง รอยดำ และหลุมสิวได้ในขั้นตอนเดียว เลเซอร์สิวจึงเป็นทางเลือก ที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการ เห็นผลลัพธ์แบบชัดเจน และมีประสิทธิภาพสูง ไม่ทำร้ายผิวรอบข้าง
ผลลัพธ์หลังทำจะเห็นได้ตั้งแต่ผิวเรียบเนียนขึ้น สิวลดลง และรอยสิวจางลงอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ผลลัพธ์อาจแตกต่างกันไปตามสภาพผิวและประเภทของเลเซอร์สิวที่ใช้ การรักษาจะไม่เป็นอันตรายและได้ผลดีที่สุดเมื่ออยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผิวหนังเท่านั้น ซึ่งสามารถประเมินสภาพผิว เลือกเครื่องมือ และปรับพลังงานเลเซอร์ให้เหมาะกับแต่ละบุคคลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
* เงื่อนไขตามบริษัทฯ กำหนด
แนะนำให้สอบถามกับเจ้าหน้าที่ก่อนเข้ารับบริการ
เพื่อความชัวร์และได้สิทธิ์ที่คุ้มที่สุดค่ะ