สิว (Acne) คืออะไร เกิดจากสาเหตุอะไร มีกี่ประเภท มีวิธีรักษาอย่างไรบ้าง
สิว
สิว (Acne) คืออะไร เกิดจากสาเหตุอะไร มีกี่ประเภท มีวิธีรักษาอย่างไร
สิวคืออะไร วิธีรักษาสิว มีอะไรบ้าง หยุดการเกิดสิวซ้ำซาก
"สิว" ไม่ใช่แค่ปัญหาผิวเล็ก ๆ ที่เกิดขึ้นชั่วคราว แต่สำหรับหลายคน มันอาจกลายเป็นอุปสรรคต่อความมั่นใจและคุณภาพชีวิต สิวสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย ไม่ว่าจะเป็นวัยรุ่นหรือผู้ใหญ่ ซึ่งจากหลายสาเหตุ ทั้งฮอร์โมน ความเครียด พฤติกรรมการดูแลผิว ไปจนถึงสภาพแวดล้อม บทความนี้จะพาทุกคนไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับสิวในทุกแง่มุม ตั้งแต่สาเหตุการเกิดสิว ประเภทของสิว วิธีรักษา และการป้องกันอย่างถูกวิธี เพราะการรู้จักสิวที่กำลังเป็นอยู่ ช่วยให้หาวิธีรักษาสิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สิว (Acne) คืออะไร เกิดจากสาเหตุอะไร มีกี่ประเภท มีวิธีรักษาอย่างไรบ้าง
รักษาสิว ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคลสิวคืออะไร เกิดจากอะไร
สิว (Acne) คือภาวะที่เกิดจากการอักเสบของรูขุมขนและต่อมไขมันใต้ผิวหนัง ซึ่งส่งผลให้เกิดตุ่มนูนแดง หัวขาว หัวดำ หรือสิวอักเสบที่มีหนองได้ สิวสามารถเกิดขึ้นได้ทุกส่วนของร่างกาย แต่พบบ่อยที่สุดบริเวณใบหน้า หน้าอก หลัง และไหล่
สิวเกิดจากหลายปัจจัยร่วมกัน ที่ส่งผลให้รูขุมขนและต่อมไขมันใต้ผิวหนังอักเสบ จนเกิดเป็นสิวประเภทต่าง ๆ สาเหตุหลัก ๆ ของการเกิดสิว ได้แก่
1.การอุดตันของรูขุมขน
• เซลล์ผิวหนังที่ตายแล้ว ปกติแล้วเซลล์ผิวที่ตายจะหลุดออก แต่บางครั้งอาจสะสมอยู่ในรูขุมขน ทำให้เกิดการอุดตัน
• น้ำมันส่วนเกิน ต่อมไขมันผลิตน้ำมันเพื่อให้ผิวชุ่มชื้น แต่หากผลิตมากเกินไป จะทำให้เกิดการอุดตันง่ายขึ้น
2.การเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย
แบคทีเรีย Propionibacterium acnes (P.acnes) เป็นแบคทีเรียที่อาศัยอยู่บนผิวหนังปกติ แต่เมื่อมีการอุดตัน จะเกิดการเจริญเติบโตมากเกินไป ทำให้เกิดการอักเสบและติดเชื้อ
3.การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน
• วัยรุ่น ช่วงนี้ร่างกายผลิตฮอร์โมนแอนโดรเจนสูง กระตุ้นการผลิตน้ำมันมากขึ้น
• ช่วงมีประจำเดือน ฮอร์โมนไม่สมดุล ทำให้สิวขึ้นได้ง่าย
• ภาวะอื่น ๆ เช่น การตั้งครรภ์, การใช้ยาคุมกำเนิด, หรือปัญหาสุขภาพที่เกี่ยวกับฮอร์โมน (เช่น PCOS)
4.พันธุกรรม
ถ้าครอบครัวมีประวัติเป็นสิว ก็มีโอกาสสูงที่จะเกิดสิวได้ง่ายกว่าปกติ
5.ปัจจัยภายนอก
• ความเครียด กระตุ้นฮอร์โมนคอร์ติโซล (Cortisol) ทำให้ต่อมไขมันทำงานมากขึ้น
• อาหาร อาหารที่มีน้ำตาลสูง นม หรืออาหารแปรรูป อาจกระตุ้นการเกิดสิวได้
• ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว การใช้เครื่องสำอางที่อุดตันรูขุมขนหรือไม่ทำความสะอาดผิวหน้าอย่างถูกวิธี
• สิ่งแวดล้อม มลภาวะ ฝุ่นละออง ความชื้นสูง หรือเหงื่อสะสม
• การสัมผัสผิวหน้าบ่อย ๆ การจับ แกะ หรือบีบสิว ทำให้เกิดการอักเสบและติดเชื้อได้ง่ายขึ้น
6.การใช้ยาบางชนิด
ยาบางประเภท เช่น สเตียรอยด์ ยาลิเทียม หรือยาต้านซึมเศร้า สามารถกระตุ้นการเกิดสิวได้
สิว (Acne) คืออะไร เกิดจากสาเหตุอะไร มีกี่ประเภท มีวิธีรักษาอย่างไรบ้าง
รักษาสิว ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคลสิวมีกี่ประเภท อะไรบ้าง
สิวสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทหลัก ๆ ตามลักษณะและความรุนแรงของการอักเสบ ได้แก่ สิวไม่อักเสบ และ สิวอักเสบ โดยแต่ละประเภทมีลักษณะเฉพาะที่แตกต่างกัน ดังนี้
1.สิวไม่อักเสบ
เป็นสิวที่ไม่เกิดการอักเสบหรือบวมแดง เกิดจากการอุดตันของรูขุมขนด้วยเซลล์ผิวที่ตายแล้วและน้ำมันส่วนเกิน
• สิวหัวขาว
- ลักษณะ ตุ่มนูนเล็ก ๆ สีขาวหรือสีเนื้อ หัวสิวปิด ไม่สัมผัสกับอากาศ
- สาเหตุ การอุดตันของรูขุมขนที่ปิดสนิท ทำให้น้ำมันและเซลล์ผิวสะสมอยู่ข้างใน
อ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสิวหัวขาว สิวหัวขาว คืออะไร เกิดจากสาเหตุอะไร กดสิวเองได้ไหม กี่วันหาย
• สิวหัวดำ
- ลักษณะ จุดเล็ก ๆ สีดำที่ผิวหนัง หัวสิวเปิด
- สาเหตุ เกิดจากการอุดตันของรูขุมขนที่เปิด ทำให้น้ำมันที่อุดตันทำปฏิกิริยากับออกซิเจนในอากาศจนเปลี่ยนเป็นสีดำ
อ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสิวหัวดำ สิวหัวดำ คืออะไร รู้ทันสาเหตุ พร้อมวิธีรักษาแบบเห็นผล
2.สิวอักเสบ
สิวอักเสบ เป็นสิวที่เกิดการอักเสบของรูขุมขน ซึ่งอาจมีอาการบวมแดง เจ็บ หรือมีหนอง
• สิวตุ่มแดง
- ลักษณะ ตุ่มนูนแดงเล็ก ๆ ไม่มีหัวหนอง ผิวหนังรอบ ๆ บวมแดง
- สาเหตุ การอักเสบของรูขุมขนที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย
• สิวหนอง
- ลักษณะ ตุ่มนูนแดงที่มีหัวหนองสีขาวตรงกลาง บางครั้งอาจรู้สึกเจ็บ
- สาเหตุ การอักเสบรุนแรงขึ้นจากสิวตุ่มแดง ทำให้เกิดหนองสะสม
• สิวหัวช้าง
- ลักษณะ ตุ่มใหญ่ แข็ง ลึกใต้ผิวหนัง เจ็บมาก และไม่มีหัวหนองชัดเจน
- สาเหตุ การอักเสบลึกในรูขุมขน เกิดการสะสมของหนองและน้ำมันใต้ผิว
อ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสิวหัวช้าง สิวหัวช้าง คืออะไร เกิดจากสาเหตุอะไร รักษาอย่างไรให้สิวยุบ
• สิวซีสต์
- ลักษณะ ตุ่มขนาดใหญ่ มีหนองเยอะ ลึกใต้ผิวหนัง เจ็บปวด และมักทิ้งรอยแผลเป็น
- สาเหตุ การอักเสบอย่างรุนแรงในชั้นผิวลึก มักเกิดจากปัจจัยฮอร์โมนหรือพันธุกรรม
นอกจากสิวแบ่งได้เป็น 2 ประเภทหลัก ๆ คือ สิวไม่อักเสบ และ สิวอักเสบ ยังสามารถแบ่งเป็นสิวประเภทพิเศษ ได้แก่
• สิวฮอร์โมน มักเกิดในวัยรุ่น หรือผู้หญิงที่มีความไม่สมดุลของฮอร์โมน เช่น ช่วงมีประจำเดือน
อ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสิวฮอร์โมน สิวฮอร์โมน คืออะไร เจาะลึกสาเหตุพร้อมวิธีรักษาให้หายขาด
• สิวสเตียรอยด์ เกิดจากการใช้ยาสเตียรอยด์ หรือยาบางชนิดที่กระตุ้นสิว
• สิวแพ้แมสก์ เกิดจากการเสียดสีหรือแรงกด เช่น การใส่หน้ากากอนามัยแน่น ๆ
• สิวผด เกิดจากอากาศร้อนและเหงื่อสะสม
อ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสิวผด สิวผด คืออะไร เกิดจากสาเหตุอะไร รักษายังไงให้ตรงจุด
• สิวจากเครื่องสำอาง เกิดจากการใช้ผลิตภัณฑ์ที่อุดตันรูขุมขนหรือทำให้ผิวระคายเคือง
อาการของสิวเป็นอย่างไร
อาการของสิวจะแตกต่างกันไปตามประเภทและความรุนแรงของสิว ซึ่งสามารถสังเกตได้จากลักษณะของตุ่มสิว การอักเสบ และบริเวณที่สิวขึ้น
1.อาการทั่วไปของสิว
• ตุ่มนูน ผิวหนังมีตุ่มนูนเล็ก ๆ อาจเป็นสีขาว สีดำ หรือสีแดง
• ผิวมัน เนื่องจากต่อมไขมันทำงานมากขึ้น ทำให้ผิวดูมันเยิ้ม
• รูขุมขนกว้าง ผิวบริเวณที่มีสิวอาจมีรูขุมขนขยายใหญ่ขึ้น
• ความรู้สึกไม่สบายผิว อาจรู้สึกคัน เจ็บ หรือระคายเคืองเล็กน้อยในบางกรณี
2.อาการแยกตามประเภทของสิว
สิวไม่อักเสบ
• สิวหัวขาว ตุ่มเล็ก ๆ สีขาวหรือสีเนื้อ ผิวเรียบ ไม่มีอาการบวมแดง
• สิวหัวดำ จุดสีดำเล็ก ๆ ที่ผิวหนัง ไม่มีอาการอักเสบหรือเจ็บ
สิวอักเสบ
• สิวตุ่มแดง ตุ่มนูนสีแดง ไม่มีหัวหนอง สัมผัสแล้วเจ็บเล็กน้อย
• สิวหนอง ตุ่มนูนแดง มีหัวหนองสีขาวตรงกลาง กดแล้วเจ็บ
• สิวหัวช้าง ตุ่มใหญ่ แข็ง ลึกใต้ผิวหนัง เจ็บปวดมาก ไม่มีหัวชัดเจน
• สิวซีสต์ ตุ่มขนาดใหญ่ มีหนองเยอะ เจ็บลึก อาจแตกได้ง่าย และมักทิ้งรอยแผลเป็น
3.อาการสิวประเภทพิเศษ
• สิวฮอร์โมน มักเกิดที่คาง กราม หรือรอบปาก ตุ่มใหญ่ เจ็บลึก
• สิวจากการกดทับ สิวเกิดบริเวณที่ถูกเสียดสี เช่น ใต้หน้ากากอนามัย หรือใต้หมวก
• สิวจากการใช้เครื่องสำอาง สิวหัวเล็ก ๆ กระจายตามบริเวณที่ใช้เครื่องสำอางบ่อย ๆ
• สิวจากยาสเตียรอยด์ สิวขึ้นกระจายเป็นวงกว้าง ลักษณะคล้ายผด
4.อาการสิวที่ควรพบแพทย์ทันที
• สิวอักเสบรุนแรง มีตุ่มใหญ่ลึก เจ็บปวดมาก หรือมีหนองจำนวนมาก
• สิวที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยยาทั่วไป
• สิวที่ทิ้งรอยแผลเป็นลึกหรือเป็นหลุม
• สิวที่มีอาการร่วมอื่น ๆ เช่น ไข้ หรือความผิดปกติทางฮอร์โมน (ประจำเดือนไม่ปกติ ขนดกผิดปกติ)
สิว (Acne) คืออะไร เกิดจากสาเหตุอะไร มีกี่ประเภท มีวิธีรักษาอย่างไรบ้าง
รักษาสิว ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคลแนะนำวิธีรักษาสิว ผิวหน้าเนียนใส
การรักษาสิวควรขึ้นอยู่กับ ประเภท ความรุนแรง และสาเหตุ ของสิว โดยทั่วไปจะเน้นการลดการอุดตันของรูขุมขน ควบคุมการผลิตน้ำมัน และลดการอักเสบ การรักษาสามารถแบ่งได้เป็น การดูแลตัวเอง และ การรักษาทางการแพทย์ ดังนี้
1.วิธีรักษาสิวด้วยการดูแลสิวเบื้องต้น
• ล้างหน้าอย่างอ่อนโยน วันละ 2 ครั้ง ด้วยผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีน้ำมัน (Oil-free) และไม่อุดตันรูขุมขน (Non-comedogenic)
• หลีกเลี่ยงการจับหน้า ไม่บีบ แกะ หรือเกาสิว เพราะจะทำให้เกิดการอักเสบและเสี่ยงต่อการทิ้งรอยแผลเป็น
• เลือกเครื่องสำอางที่เหมาะสม ใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับผิวเป็นสิว (Oil-free, Non-comedogenic) และล้างออกให้สะอาดก่อนนอน
• ป้องกันแสงแดด ใช้ครีมกันแดดสำหรับผิวมันหรือผิวเป็นสิว
• ควบคุมอาหาร ลดการบริโภคอาหารที่มีน้ำตาลสูง อาหารมัน หรือผลิตภัณฑ์นมที่อาจกระตุ้นการเกิดสิว
2.วิธีรักษาสิวด้วยการใช้ยารักษาสิว
การรักษาสิวสามารถทำได้หลายวิธี ขึ้นอยู่กับชนิดและความรุนแรงของสิว โดยการใช้ยารักษาสิวแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก คือ ยารักษาสิวเฉพาะที่ และ ยารักษาสิวแบบรับประทาน การเลือกใช้ยาขึ้นอยู่กับคำแนะนำของแพทย์ผิวหนัง เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพผิวและประเภทของสิว ตัวอย่างยารักษาสิว อย่างเช่น
• ยาปฏิชีวนะ เช่น Doxycycline, Minocycline ช่วยลดการอักเสบและเชื้อแบคทีเรีย
• ยาคุมกำเนิด สำหรับผู้หญิงที่มีสิวจากฮอร์โมน ช่วยควบคุมฮอร์โมนแอนโดรเจน
• ยาต้านฮอร์โมน เช่น Spironolactone สำหรับผู้หญิงที่มีสิวฮอร์โมน
3.วิธีรักษาสิวด้วยการใช้ยารักษาสิวเฉพาะที่
การรักษาสิวด้วยยารักษาสิวเฉพาะที่ เป็นวิธีที่นิยมและมีประสิทธิภาพ สำหรับการรักษาสิวในระดับเล็กน้อยถึงปานกลาง ซึ่งยาประเภทนี้สามารถช่วยลดการอุดตันของรูขุมขน ลดการอักเสบ และยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียที่ทำให้เกิดสิว ประเภทของยารักษาสิวเฉพาะที่ ได้แก่
• ยาละลายหัวสิว
- Benzoyl Peroxide ยับยั้งแบคทีเรีย Propionibacterium acnes ลดการอักเสบ และช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว
- Salicylic Acid ช่วยละลายสิ่งอุดตันในรูขุมขน ลดการอุดตันของไขมัน
• ยากลุ่มเรตินอยด์
- Tretinoin, Adapalene, Tazarotene ช่วยเร่งการผลัดเซลล์ผิว ลดการอุดตัน และช่วยลดรอยดำหลังสิว
- ควรใช้อย่างระมัดระวัง เนื่องจากอาจทำให้ผิวแห้งและระคายเคืองในช่วงแรก
• ยาปฏิชีวนะเฉพาะที่
- Clindamycin, Erythromycin ยับยั้งแบคทีเรียที่ทำให้เกิดสิวและลดการอักเสบ
- มักใช้ร่วมกับ Benzoyl Peroxide เพื่อลดความเสี่ยงในการดื้อยา
• ยารักษาสิวที่มีส่วนผสมรวม
ยาที่มีการผสมระหว่าง Benzoyl Peroxide กับ Clindamycin หรือ Adapalene เพื่อลดการเกิดสิวอย่างมีประสิทธิภาพ
4.วิธีรักษาสิวด้วยหัตถการความงาม
สิว (Acne) คืออะไร เกิดจากสาเหตุอะไร มีกี่ประเภท มีวิธีรักษาอย่างไรบ้าง
รักษาสิว ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล4.1 AviClear เลเซอร์รักษาสิว
AviClear เป็นนวัตกรรมเลเซอร์ใหม่ที่ออกแบบมา เพื่อรักษาสิวโดยตรง จากต้นเหตุของการเกิดสิว โดยใช้เลเซอร์ที่มีความยาวคลื่น 1,726 นาโนเมตร ซึ่งสามารถเจาะจงไปที่ต่อมไขมัน (Sebaceous glands) เพื่อลดการผลิตน้ำมัน (Sebum) ที่มากเกินไป ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการเกิดสิว
หลักการทำงานของ AviClear
• การลดการผลิตน้ำมัน เลเซอร์ AviClear จะส่งพลังงานไปยังต่อมไขมัน ทำให้การผลิตน้ำมันลดลง ซึ่งช่วยลดการอุดตันของรูขุมขนและการเกิดสิวใหม่
• ความปลอดภัยและความสะดวกสบาย AviClear มาพร้อมกับระบบทำความเย็น "AviCool" ที่ช่วยปกป้องผิวและลดความรู้สึกไม่สบายระหว่างการรักษา ทำให้ไม่จำเป็นต้องใช้ยาชา
ข้อดีของการรักษาด้วย AviClear
• ประสิทธิภาพยาวนาน จากการวิจัยพบว่า หลังการรักษา 3 ครั้ง สิวอักเสบลดลงถึง 71% และผลลัพธ์นี้คงอยู่ได้นานถึง 2 ปี
• เหมาะสำหรับทุกสภาพผิว AviClear สามารถใช้ได้กับทุกสภาพผิวและทุกระดับความรุนแรงของสิว
• ไม่ต้องใช้ยา เป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการใช้ยารักษาสิวระยะยาว
สิว (Acne) คืออะไร เกิดจากสาเหตุอะไร มีกี่ประเภท มีวิธีรักษาอย่างไรบ้าง
รักษาสิว ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล4.2 โปรแกรม AC CLEAR
โปรแกรม AC CLEAR ของรมย์รวินท์คลินิกเป็นโปรแกรมรักษาสิวที่ออกแบบมา เพื่อจัดการปัญหาสิวไม่ให้เกิดซ้ำซาก โดยมีขั้นตอนการรักษาที่ครอบคลุมและมีประสิทธิภาพ ดังนี้
ขั้นตอนการรักษาสิวในโปรแกรม AC CLEAR
• การกดสิวกดสิว แพทย์จะทำการกดสิวอุดตัน เช่น สิวหัวขาวและสิวหัวดำ เพื่อป้องกันการพัฒนากลายเป็นสิวอักเสบในอนาคต
• การฉีดสิว สำหรับสิวอักเสบ แพทย์จะฉีดยาเฉพาะจุดเพื่อลดการอักเสบ บวมแดง และป้องกันการเกิดสิวใหม่
• การทำทรีตเมนต์ ใช้ทรีตเมนต์เฉพาะเพื่อฆ่าเชื้อสิว ลดการอักเสบ และฟื้นฟูผิวให้แข็งแรง
• การเลเซอร์ ใช้เลเซอร์ในการฆ่าเชื้อสิว ลดรอยดำ รอยแดงจากสิว และปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ
โปรแกรม AC CLEAR มีหลายระดับ เช่น AC CLEAR I, AC CLEAR II, และ AC CLEAR III ซึ่งแต่ละระดับจะมีขั้นตอนการรักษาที่แตกต่างกันไป ตามความเหมาะสมของสภาพผิวและปัญหาสิวของผู้เข้ารับบริการ
4.3 โปรแกรม BACK CLEAR
โปรแกรม BACK CLEAR ที่รมย์รวินท์คลินิก ถูกออกแบบมาเพื่อจัดการปัญหาสิวที่หลังอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีขั้นตอนการรักษาที่ครอบคลุม ดังนี้
• การกดสิว กำจัดสิวอุดตันที่หลัง เช่น สิวหัวขาวและสิวหัวดำ เพื่อป้องกันการอักเสบในอนาคต
• การฉีดสิว สำหรับสิวอักเสบ การฉีดยาเฉพาะจุดช่วยลดการอักเสบและบวมแดง
• การทำทรีตเมนต์ บำรุงผิวและฆ่าเชื้อสิว เพื่อฟื้นฟูผิวให้แข็งแรงและลดการอักเสบ
• การมาส์กปรับสภาพผิว มาส์กสูตรเฉพาะเพื่อคงความชุ่มชื้นและลดการอักเสบของผิวที่หลัง
• การเลเซอร์เคลียร์สิว ใช้เลเซอร์แสงสีเหลืองและสีเขียวในการฆ่าเชื้อสิว ลดรอยดำ รอยแดง และปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ
โปรแกรมนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาสิวที่หลังและต้องการฟื้นฟูผิวให้เรียบเนียนและกระจ่างใส
4.4 โปรแกรม Bo AC CLEAR
โปรแกรม Bo AC CLEAR ที่ รมย์รวินท์คลินิก เป็นโปรแกรมที่ผสมผสานการฉีดโบในการรักษาสิวและปรับสภาพผิวให้ดีขึ้น โดยมีคุณสมบัติในการลดการทำงานของต่อมไขมัน ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของการเกิดสิว
หลักการทำงานของการฉีดโบรักษาสิว
• ลดการผลิตน้ำมัน (Sebum) โบท็อกซ์ช่วยยับยั้งการทำงานของต่อมไขมัน ทำให้การผลิตน้ำมันลดลง ซึ่งช่วยลดการอุดตันของรูขุมขน
• กระชับรูขุมขน การฉีดโบท็อกซ์ช่วยให้รูขุมขนกระชับขึ้น ผิวหน้าดูเรียบเนียน และลดโอกาสการเกิดสิวใหม่
ข้อดีของโปรแกรม Bo AC CLEAR
• ลดความมันบนใบหน้า
• ลดการเกิดสิวใหม่
• กระชับรูขุมขน
• ปรับผิวให้เรียบเนียนและกระจ่างใส
4.5 โปรแกรม TURBO BRIGHT
โปรแกรม Turbo Bright ที่ รมย์รวินท์คลินิก เป็นโปรแกรมที่ออกแบบมาเพื่อแก้ไขปัญหาผิวหมองคล้ำ และฟื้นฟูผิวหน้าให้กระจ่างใสอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีขั้นตอนการดูแลผิว ดังนี้
• การผลัดเซลล์ผิวเก่า ช่วยขจัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพออก เพื่อเผยผิวใหม่ที่สดใสและเรียบเนียนยิ่งขึ้น
• การทำความสะอาดผิวอย่างล้ำลึก ทำความสะอาดผิวถึงระดับรูขุมขน เพื่อลดการอุดตันและป้องกันการเกิดสิว
• การเติมวิตามินให้ผิว ใช้เทคนิคการเติมวิตามินเข้าสู่ผิวด้วยอณูละอองน้ำ เพื่อบำรุงผิวอย่างล้ำลึกถึงระดับเซลล์
โปรแกรมนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวหน้าให้กระจ่างใส ลดการอุดตันของรูขุมขน ลดความหมองคล้ำ ป้องกันการเกิดสิว และปรับสภาพผิวให้เรียบเนียน
4.6 โปรแกรม Color ICE
โปรแกรม Color ICE ที่ รมย์รวินท์คลินิก เป็นทรีตเมนต์ที่ออกแบบมาเพื่อฟื้นฟูและบำรุงผิวหน้าอย่างล้ำลึก โดยใช้พลังงานความเย็น เพื่อลดการอักเสบของสิว บวมแดง ระคายเคืองผิว และการบำบัดด้วยแสง LED 3 สี ซึ่งแต่ละสีมีคุณสมบัติเฉพาะในการดูแลผิว ดังนี้
• แสงสีแดง (Red Light) กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ลดเลือนริ้วรอย และปรับสภาพผิวให้เรียบเนียน
• แสงสีฟ้า (Blue Light) ควบคุมแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของสิว ลดการอักเสบ และป้องกันการเกิดสิวใหม่
• แสงสีเหลือง (Yellow Light) ฟื้นฟูสภาพผิว ลดรอยหมองคล้ำ และปรับผิวให้กระจ่างใส
โปรแกรม Color ICE เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวแห้งเสีย ลดการอักเสบ ลดสิว ลดเลือนริ้วรอย และปรับสภาพผิวให้กระจ่างใส หลังการทำทรีตเมนต์นี้ ผิวจะได้รับการบำรุงอย่างล้ำลึกและฟื้นฟูให้กลับมาสุขภาพดี
4.7 Pico Laser รักษาสิว
Pico Laser ( Picosecond Laser ) เป็นเทคโนโลยีเลเซอร์ที่ทันสมัย ใช้พลังงานแสงความเข้มข้นสูงในช่วงเวลาที่สั้นมาก (ระดับพิโควินาที หรือ 1 ต่อล้านล้านวินาที) เพื่อส่งพลังงานไปยังผิวหนังอย่างแม่นยำและรวดเร็ว ซึ่งช่วยในการรักษาปัญหาผิวต่าง ๆ รวมถึง สิวและรอยแผลเป็นจากสิว ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ข้อดีของ Pico Laser ในการรักษาสิว
• ลดรอยดำ-รอยแดงจากสิว
- Pico Laser ช่วยทำลายเม็ดสีเมลานินที่ก่อให้เกิดรอยดำหลังสิว (Post-inflammatory Hyperpigmentation) และลดรอยแดง (Post-inflammatory Erythema) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ผลลัพธ์คือผิวที่กระจ่างใสและสม่ำเสมอขึ้น
• รักษารอยแผลเป็นจากสิว
- Pico Laser ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใต้ผิวหนัง ซึ่งช่วยฟื้นฟูผิวที่มีรอยหลุมสิวให้เรียบเนียนขึ้น
- เหมาะสำหรับรอยแผลเป็นแบบหลุม (Atrophic Scars) เช่น Ice Pick, Boxcar, และ Rolling Scars
• ลดการอักเสบของสิว
- พลังงานของเลเซอร์ช่วยลดการอักเสบและควบคุมการทำงานของต่อมไขมัน ทำให้สิวอักเสบยุบเร็วขึ้น
- ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย Propionibacterium acnes ที่เป็นสาเหตุของสิว
• กระชับรูขุมขน
กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนทำให้ผิวแน่นขึ้นและช่วยกระชับรูขุมขน ซึ่งลดโอกาสเกิดสิวใหม่ได้
• ปรับสภาพผิวโดยรวม
นอกจากรักษาสิวแล้ว ยังช่วยให้ผิวเนียนนุ่ม เรียบเนียน และกระจ่างใสมากขึ้น
4.8 Rejuran รักษาสิว
Rejuran ( รีจูรัน ) เป็นการบำรุงผิวด้วยเทคนิค Skin Booster โดยใช้สารสกัดจาก Polynucleotide (โพลีนิวคลีโอไทด์ ) หรือ PN ซึ่งได้จาก DNA ของปลาแซลมอนที่มีโครงสร้างคล้ายกับ DNA ของมนุษย์ มีคุณสมบัติในการฟื้นฟูผิว กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และลดการอักเสบของผิว ทำให้ Rejuran ได้รับความนิยมอย่างมาก โดยเฉพาะในการรักษาสิวและรอยแผลเป็นจากสิว
ข้อดีของ Rejuran ในการรักษาสิว
• ลดการอักเสบของสิว
- มีฤทธิ์ช่วยลดการอักเสบของผิวได้ดี ซึ่งช่วยลดความรุนแรงของสิวอักเสบและสิวหัวช้างได้
- ช่วยสมานแผลได้เร็วขึ้น ทำให้สิวยุบตัวได้อย่างรวดเร็วและลดโอกาสเกิดแผลเป็น
• กระตุ้นการฟื้นฟูเซลล์ผิว
- ช่วยเร่งกระบวนการสร้างเซลล์ผิวใหม่ ทำให้ผิวฟื้นตัวจากการอักเสบของสิวได้เร็วขึ้น
- เหมาะสำหรับการรักษารอยแผลเป็น รอยดำ และรอยแดงหลังสิว
• กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
- ช่วยปรับโครงสร้างผิวที่ไม่เรียบเนียน ลดเลือนหลุมสิว ให้ผิวดูเรียบเนียนมากขึ้น
- เสริมสร้างความยืดหยุ่นของผิว ทำให้ผิวแข็งแรงและต้านทานการเกิดสิวใหม่
• ปรับสมดุลน้ำมันและความชุ่มชื้น
- ช่วยควบคุมการผลิตน้ำมันส่วนเกิน (Sebum) ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดสิว
- รักษาความชุ่มชื้นของผิว ลดปัญหาผิวแห้งและระคายเคืองที่อาจกระตุ้นสิวได้
• ปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ
ลดรอยดำ รอยแดงจากสิว และช่วยปรับสีผิวให้กระจ่างใสขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
วิธีป้องกันไม่ให้เกิดสิวทำอย่างไร
การป้องกันสิวไม่ใช่แค่เรื่องของการดูแลผิวหน้าเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวข้องกับพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ รวมถึงการปรับสมดุลในร่างกายด้วย ขอแนะนำวิธีป้องกันสิวไม่ให้เกิดขึ้นอีก ดังนี้
1.การดูแลผิวอย่างถูกวิธี
• ล้างหน้าอย่างอ่อนโยน วันละ 2 ครั้ง (เช้า-เย็น) ด้วยผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่อ่อนโยน ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ และไม่อุดตันรูขุมขน
• หลีกเลี่ยงการล้างหน้าบ่อยเกินไป การล้างหน้าบ่อยเกินไปทำให้ผิวแห้งและกระตุ้นให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันมากขึ้น
• ใช้โทนเนอร์ที่เหมาะสม ช่วยปรับสมดุลผิวและลดความมันส่วนเกิน
• มอยเจอร์ไรเซอร์ เลือกใช้สูตรที่ไม่ทำให้เกิดสิว (Oil-free หรือ Non-comedogenic) เพื่อคงความชุ่มชื้นโดยไม่ทำให้ผิวมัน
• ครีมกันแดด เลือกสูตรสำหรับผิวมันหรือผิวเป็นสิว (Gel-based หรือ Water-based) ป้องกันรอยสิวจากการถูกแสงแดดทำร้าย
2.พฤติกรรมที่ช่วยลดการเกิดสิว
• หลีกเลี่ยงการจับหรือบีบสิว การบีบสิวอาจทำให้เกิดการอักเสบ รอยแดง หรือแผลเป็นได้
• เปลี่ยนปลอกหมอนและผ้าห่มบ่อย ๆ สิ่งสกปรกและน้ำมันจากเส้นผมและผิวสามารถสะสมได้
• รักษาความสะอาดของอุปกรณ์ เช่น โทรศัพท์มือถือ แว่นตา หรือแปรงแต่งหน้า ควรทำความสะอาดเป็นประจำเพื่อลดการสะสมของแบคทีเรีย
• หลีกเลี่ยงการสัมผัสหน้าบ่อย ๆ เพราะมืออาจมีสิ่งสกปรกและเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดสิวได้
3.การควบคุมอาหาร
• ลดอาหารที่มีน้ำตาลสูง เช่น ขนมหวาน น้ำอัดลม เพราะน้ำตาลสูงทำให้ระดับอินซูลินเพิ่มขึ้น ซึ่งกระตุ้นการผลิตน้ำมันบนผิว
• หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์นม มีงานวิจัยบางชิ้นพบว่าผลิตภัณฑ์นมอาจกระตุ้นการเกิดสิวในบางคน
• กินอาหารที่มีไฟเบอร์สูง เช่น ผัก ผลไม้ ธัญพืชเต็มเมล็ด เพื่อปรับสมดุลฮอร์โมนและลดการอักเสบ
• ดื่มน้ำให้เพียงพอ ช่วยให้ผิวชุ่มชื้นและขับของเสียออกจากร่างกาย
4.การจัดการความเครียด
• นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อย 7-8 ชั่วโมงต่อคืน เพื่อให้ร่างกายฟื้นฟูสมดุล
• ฝึกการผ่อนคลาย เช่น การทำสมาธิ โยคะ หรือการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
• หลีกเลี่ยงความเครียดเรื้อรัง เพราะความเครียดกระตุ้นฮอร์โมนคอร์ติโซล (Cortisol) ซึ่งทำให้สิวแย่ลง
5.การเลือกใช้เครื่องสำอาง
• เลือกเครื่องสำอางที่ไม่อุดตันรูขุมขน มองหาฉลาก "Non-comedogenic" หรือ "Oil-free"
• ล้างเครื่องสำอางออกให้สะอาด ก่อนนอนทุกครั้งเพื่อลดการสะสมของน้ำมันและสิ่งสกปรก
• หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่หนักเกินไป โดยเฉพาะครีมหรือรองพื้นที่หนาเกินไป เพราะอาจอุดตันรูขุมขนได้ง่าย
6.การปรึกษาแพทย์ผิวหนัง
• หากคุณมีแนวโน้มเป็นสิวเรื้อรังหรือมีปัญหาสิวที่ไม่สามารถควบคุมได้ด้วยตนเอง ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนัง
• แพทย์อาจแนะนำการใช้ยารักษาสิว เช่น Retinoids, ยาปฏิชีวนะเฉพาะที่ หรือการรักษาด้วยเลเซอร์
• การตรวจสอบฮอร์โมน อาจจำเป็นสำหรับผู้ที่มีสิวฮอร์โมน
การมีสิวส่งผลกระทบอะไรบ้าง
สิวไม่เพียงแต่สร้างความไม่สบายใจในแง่ของรูปลักษณ์เท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อร่างกายและจิตใจในหลายด้าน รวมถึงผลกระทบทางสังคมและอารมณ์ด้วย โดยสามารถแบ่งออกได้ดังนี้
1.ผลกระทบทางร่างกาย
• การอักเสบและเจ็บปวด สิวอักเสบ สิวหัวช้าง หรือสิวซีสต์มักทำให้รู้สึกเจ็บ ปวด บวมแดง โดยเฉพาะสิวที่มีการติดเชื้อรุนแรง
• รอยแผลเป็น หากมีการบีบ แกะ หรือกดสิวไม่ถูกวิธี อาจทำให้เกิดแผลเป็นถาวร เช่น รอยหลุมสิว หรือแผลนูน (Keloid) ได้
• รอยดำและรอยแดง หลังสิวหายแล้ว ผิวอาจทิ้งรอยดำ หรือรอยแดง ซึ่งอาจต้องใช้เวลานานในการจางลง
• ผิวไม่เรียบเนียน การเกิดสิวซ้ำ ๆ อาจทำให้ผิวหน้าไม่เรียบ เนื่องจากการสร้างคอลลาเจนที่ผิดปกติหลังจากการอักเสบ
2.ผลกระทบทางจิตใจและอารมณ์
• ความเครียดและวิตกกังวล สิวเรื้อรังสามารถทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับรูปลักษณ์ ส่งผลให้เกิดความเครียดสะสม ซึ่งอาจทำให้สิวแย่ลงอีกด้วย
• ขาดความมั่นใจในตนเอง ผู้ที่มีสิวอาจรู้สึกไม่มั่นใจในการเข้าสังคม ไม่กล้าเผชิญหน้ากับผู้อื่น หรือไม่กล้าถ่ายรูป
• ภาวะซึมเศร้า ในกรณีที่รุนแรง การมีสิวเรื้อรังอาจส่งผลกระทบทางอารมณ์อย่างลึกซึ้ง ทำให้เกิดภาวะซึมเศร้าได้
• การหลีกเลี่ยงกิจกรรมทางสังคม ผู้ที่มีปัญหาสิวมาก ๆ อาจหลีกเลี่ยงการออกงานสังคม หรือกิจกรรมที่ต้องพบปะผู้คนเพราะรู้สึกอาย
3.ผลกระทบระยะยาว
• แผลเป็นถาวร แผลเป็นจากสิว เช่น รอยหลุมหรือแผลนูน อาจคงอยู่ถาวรหากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง
• ภาวะซึมเศร้าเรื้อรัง หากปัญหาสิวไม่ถูกจัดการอย่างเหมาะสม อาจทำให้เกิดปัญหาสุขภาพจิตในระยะยาวได้
• ความเสียหายต่อโครงสร้างผิว การอักเสบเรื้อรังสามารถทำลายโครงสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนัง ทำให้ผิวไม่เรียบเนียนแม้สิวจะหายแล้ว
สรุปเกี่ยวกับสิวคืออะไร วิธีรักษาสิว
สรุปว่าสิวเป็นปัญหาผิวที่เกิดจากหลายปัจจัย เช่น การอุดตันของรูขุมขน น้ำมันส่วนเกิน ฮอร์โมน และพฤติกรรมการดูแลผิวที่ไม่เหมาะสม ส่งผลกระทบให้เกิดความวิตกกังวลและไม่มีความมั่นใจ แต่สิวสามารถรักษาได้ หากเลือกวิธีที่เหมาะสม เช่น การใช้ยารักษาสิว นวัตกรรมทางการแพทย์ และการปรับพฤติกรรมการดูแลผิว รวมถึงการป้องกันสิวไม่ให้เกิดขึ้นอีก เน้นที่การดูแลผิวอย่างถูกวิธี อย่างไรก็ตามบางคนที่มีปัญหาสิวหนักมาก รักษาด้วยตัวเองไม่หาย หรือเริ่มรักษาสิวก่อนเป็นสิวเรื้อรัง แนะนำให้พบแพทย์เพื่อประเมินปัญหาสิวและรักษาได้อย่างเหมาะสมต่อไป
รมย์รวินท์คลินิกมีนวัตกรรมรักษาสิวหลากหลาย เพื่อตอบโจทย์การรักษาสิวของแต่ละบุคคล สำหรับผู้ที่สนใจสามารถนัดหมายปรึกษาแพทย์ ได้ผ่านช่องทางออนไลน์ของ Romrawin Clinic
* เงื่อนไขตามบริษัทฯ กำหนด
แนะนำให้สอบถามกับเจ้าหน้าที่ก่อนเข้ารับบริการ
เพื่อความชัวร์และได้สิทธิ์ที่คุ้มที่สุดค่ะ